นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ บมจ. ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสแรก ปี 60 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 541 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 147 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท โดยพลิกจากที่เคยขาดทุนสุทธิ 25 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 59 ที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการไตรมาสแรกปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานั้น มาจากปัจจัยหลัก 4 ประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างบริษัทฯ ด้วยการรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด ทำให้ CPL รับรู้รายได้ของแพงโกลินเข้ามาในงบการเงินของบริษัทฯ ทั้งจำนวน โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สินค้าเซฟตี้โปรดักส์ของแพงโกสินมียอดขายสูงสุดสร้างสถิติใหม่ (New High)
นอกจากนี้ ธุรกิจฟอกหนังยังกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง หลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ลูกค้าของ CPL ซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างก็ทยอยส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ปรับปรุงระบบการจัดการภายใน เพื่อขจัดอุปสรรคและลดโอกาสขาดทุน โดยเฉพาะในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนจากการขายหนังชั้นท้องเพื่อผลิตเป็นหนังกลับในสต็อกที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย
“จากการผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่า อุตสาหกรรมฟอกหนังได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี59 ซึ่งเกิดความผันผวนทั้งกับเศรษฐกิจโลกและยังมีปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศแทรกซ้อน ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมชะลอลง แต่ ณ เวลานี้ เราเชื่อว่าสถานการณ์พลิกกลับไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว สภาพเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ลูกค้าแบรนด์เนมต่างๆ เริ่มทยอยสั่งสินค้าและขายสินค้าได้มากขึ้น ทำให้ CPL ได้รับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่การรับโอนกิจการแพงโกลิน ทำให้บริษัทฯ มีสินค้าในตลาดเครื่องมือเครื่องใช้ทางด้านความปลอดภัย ทำให้การรับรู้รายได้เป็นไปในทางบวกมากขึ้น และสามารถดำเนินกิจกรรมทางการตลาดได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ CPL ตั้งเป้าว่า ภายใน 3 ปีนี้ บริษัทฯ จะมีรายได้แตะระดับ 3 พันล้านบาทได้อย่างแน่นอน" นายสุวัชชัยกล่าว
ในส่วนของการลดอุปสรรคเกี่ยวกับสต็อกสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการขายหนังชั้นท้องในสต็อกนั้น บริษัทได้ดำเนินการผ่านบริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด (ILN) ที่ CPL จัดตั้งขึ้นร่วมกับพันธมิตร โดย CPL ถือหุ้น 40% ทั้งนี้ ILN จะทำหน้าที่ในการสต็อกสินค้าและจัดจำหน่ายหนังทุกประเภทให้กับลูกค้าทั่วภูมิภาค ซึ่งผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของ ILN ก็สามารถทำกำไรได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน
ส่วนการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในปีนี้นั้น บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะใช้เงินลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายฐานการผลิต พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการผลิตให้มีความสะดวกรวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อให้ CPL เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังและจัดจำหน่ายหนังฟอกที่มีความหลากหลายและมีปริมาณมากที่สุดในประเทศ