นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีรายได้รวม 3,943.8 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 59 ซึ่งมีรายได้รวม 4,382.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 729.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 59 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 49.7 ล้านบาท
“ปัจจัยหนุนสำหรับการเติบโตอย่างมากของกำไรไตรมาสแรกนี้ เกิดจากการที่ปีนี้ KTIS มีอ้อยเพิ่มมากขึ้น 15.4% และจากคุณภาพที่ดีมาก ทำให้ทำน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นถึง 29.9% นอกจากนี้ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกสูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก โดยราคาเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ตันละ 17,158.9 บาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 13,363.1 บาท สูงกว่ากันถึง 28.4% ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็สูงขึ้นด้วย ทำให้สายธุรกิจเอทานอลมีรายได้และกำไรที่ดีขึ้น"นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวว่า สำหรับสายธุรกิจอื่น ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อย และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย 100% ก็มีแนวโน้มที่ดีเพราะมีวัตถุดิบมากกว่าปีก่อน จากปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่สายธุรกิจโรงไฟฟ้าของกลุ่ม KTIS นั้น ขณะนี้โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลทั้ง 3 โรง ได้ทำการขายไฟฟ้าครบถ้วนแล้ว ทั้งโรงไฟฟ้าเกษตรไทยไบโอเพาเวอร์ (KTBP) และรวมผลไบโอเพาเวอร์ (RPBP) ที่ จ.นครสวรรค์ และโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์เพาเวอร์ (TEP) ที่จ.อุตรดิตถ์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรงนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในกระบวนการผลิต และอีกส่วนหนึ่งขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
"กลุ่ม KTIS ได้ปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายเกินกว่าความคาดหมาย และดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม เพราะภาพรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งประเทศ มีปริมาณอ้อยลดลง โดยปีการผลิต 2559/60 มีอ้อยทั้งประเทศ 93 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งมีปริมาณอ้อยรวม 94 ล้านตัน"นายประพันธ์ กล่าว