นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีลุ้นรีบาวด์ทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลงไป 6 วันติดต่อกัน โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อวานนี้ แต่หุ้นกลุ่มแบงก์อาจกดดันตลาดฯเนื่องจากประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่น่าจะมีผลต่อกำไร อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/60 ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เห็นได้จากส่วนใหญ่ปรับตัวลงมากกว่าที่จะขึ้น ดังนั้น การรีบาวด์ของดัชนีฯอาจจะไปได้ไม่ไกล
ส่วนกรณีที่ MSCI ประกาศเพิ่มหุ้นไทยเข้าคำนวนในดัชนีก็เป็นหุ้น Small Cap.5 ตัว คือ BCPG, BIG, FSMART, PTL และ THANI ซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กก็อาจจะไม่ได้มีผลต่อหุ้นมาก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างยังรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
พร้อมให้แนวรับ 1,527 จุด ส่วนแนวต้าน 1,542-1,550 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,981.94 จุด เพิ่มขึ้น 85.33 จุด (+0.41%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,149.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.44 จุด (+0.46%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,402.32 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด (+0.48%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 83.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 41.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.60 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ค.60) 1,537.42 จุด ลดลง 6.52 จุด (-0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 520.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ค.60) ปิดที่ 48.85 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ค.60) ที่ 6.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.47 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่ำกว่าคาด
- สศช.เผยไตรมาสแรก จีดีพีโต 3.3% จากเศรษฐกิจขยายตัวในวงกว้าง มั่นใจทั้งปีขยายตัว 3.5% ด้าน"สมคิด"คาดไตรมาส2 อาจชะลอทางเทคนิค ขณะธปท.-นักเศรษฐศาสตร์ชี้ขยายตัวเกินคาด ห่วงลงทุนเอกชนเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังชะลอต่อเนื่องตัว 3 ไตรมาส
- แบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่พร้อมใจลดดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีในอัตรา 0.25-0.50% ตอบสนองแนวทางรัฐมนตรีคลัง มีผลวันนี้ เผยแบงก์กรุงเทพพ่วงลดดอกเบี้ยเอ็มโออาร์ด้วย 0.25% ส่วนไทยพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งกระดาน 0.25%
- กลุ่มความร่วมมือไซเบอร์ (ISG) ของสมาคมธนาคารไทย ได้แจ้งเตือนธนาคารสมาชิกทุกแห่งให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อกรณีที่มัลแวร์เรียกค่าไถ่ชื่อ วอนนาคราย ที่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ ไม่ให้หลุดเข้ามาในระบบธนาคารได้อย่างเด็ดขาด มีการติดตามตรวจจับ หากพบก็จะมีการดำเนินการปิดกั้นและแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องทันที รวมทั้งสื่อสารให้พนักงานและประชาชนทราบเพื่อระมัดระวัง
- แบงก์ชาติ เผยไตรมาส 1/60 หนี้เอ็นพีแอลขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 2.94% ด้านสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวได้ 2.8% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 2% พร้อมคาดการณ์สินเชื่อปีนี้โตได้ 4-6%
- การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 แยกตามหน่วยงาน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา วงเงินงบประมาณรวม 2.01 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายได้แล้ว 1.2 ล้านล้านบาท หรือ 59.98% สะท้อนว่ามาตรการเร่งเบิกจ่ายของรัฐบาลได้ผล เนื่องจากผ่านไป 7 เดือนของปีงบประมาณสามารถเบิกจ่ายได้มากกว่าครึ่งของงบทั้งหมดเป็นจำนวนมาก
*หุ้นเด่นวันนี้
- LIT-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ลีซ อิท (LIT) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 160,000,000 หน่วยอัตราการใช้สิทธิ 2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 4.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 26 เมษายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 2.50 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 ก.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 25 เม.ย. 2565
- TU (ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 24 บาท กำไร 1Q60 ที่น่าผิดหวังส่งผลให้ปรับกำไรปี 2560-2561 ลง 12% แต่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ขณะที่คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q60
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท หากตัด forex gain กำไรปกติเติบโตดีตามคาด +62% Q-Q, +314% Y-Y เป็น 2,392 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะเหมืองในออสเตรเลีย ช่วยชดเชยปริมาณขายที่อินโดนีเซียที่ลดลงเพราะเป็นหน้าฝน และชดเชยธุรกิจโรงไฟฟ้าที่กำไรลดลงเพราะต้นทุนถ่านหินเพิ่ม ปัจจุบันที่ราคาถ่านหินปรับลงเหลือ US$74/ตัน แต่เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปียังอยู่ที่ US$82/ตัน สูงกว่าสมมติฐานที่ US$80/ตัน และยังอยู่ในกรอบตามนโยบายของจีนที่ US$70-80/ตัน กำไรปีนี้ที่คาด 1.1 หมื่นล้านบาท +226% Y-Y จึงเป็นไปได้
- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท กำไรน่าประทับใจ ดีกว่าคาด +20% Q-Q, +72% Y-Y จากสินเชื่อที่เติบโตแข็งแกร่งทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยังอยู่ในระดับสูง 7% และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมาก แม้ NPL จะเพิ่มเป็น 3.85% จาก 3.22% ใน 4Q59 แต่บริษัทก็ตั้งสำรองเพิ่ม จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 12% เป็น +47% Y-Y