นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายยางมะตอยในปีนี้ที่ 2.6 ล้านตัน จากปีก่อนทำได้ 2.1 ล้านตัน แม้ว่าไตรมาส 1/60 จะทำยอดขายได้เพียงประมาณ 5 แสนตัน แต่เชื่อว่าความต้องการใช้ยางมะตอยทั้งในต่างประเทศและในประเทศจะเติบโตเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดต่างประเทศที่บริษัทจะเน้นการขายไปยังจีนและอินเดียเป็นหลัก ซึ่งมีความต้องการใช้ยางมะตอยสูงมากตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาขายยางมะตอยในต่างประเทศก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าราคาขายจะอยู่ที่เฉลี่ย 260-300 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 210-220 เหรียญ/ตัน ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศราว 70% และ 30% เป็นการขายในประเทศ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายยางมะตอยในไตรมาส 2/60 น่าจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาส 1/60 แม้ว่าการขายในประเทศอาจจะลดลงในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะมีวันหยุดค่อนข้างมากและงบประมาณภาครัฐยังไม่ค่อยมีออกมามากนัก รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างก็เริ่มทยอยส่งมอบงานแล้ว
แต่บริษัทเชื่อว่าในเดือนมิ.ย.นี้ ภาครัฐจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมในการซ่อมสร้างถนนแต่ละจังหวัด ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางมะตอยให้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3/60 ที่ยังถือเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่ยอดขายยางมะตอยในต่างประเทศยังคงมีการเติบโตที่ดี
บริษัทวางงบลงทุนในปีนี้ราว 2.2 พันล้านบาท โดยจะใช้ในการซื้อเรือบรรทุกน้ำมันดิบ ขนาด 1.5 แสนตัน จำนวน 1 ลำ อายุเรือ 10 ปี คาดว่าจะขนส่งน้ำมันดิบได้ 3-4 เที่ยว/ปี ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันและลดค่าขนส่งได้ราว 25-30% ประกอบกับ บริษัทยังมีแผนลงทุนตั้งคลังยางมะตอยในมาเลเซีย ขนาด 8,000 ตัน เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3/60 และจะเปิดใช้ในไตรมาส 2/61 เพื่อลดระยะเวลาการส่งออก และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์)
พร้อมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนสร้างโรงงานผลิตยางมะตอยในลาว กำลังการผลิต 3-4 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะสรุปความชัดเจนได้ในเดือนมิ.ย.นี้ และศึกษาลงทุนสร้างคลังยางมะตอยในฟิลิปปินส์ คาดว่าจะสรุปในไตรมาส 3/60 และจะสามารถนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาภายในเดือน ส.ค.นี้
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การลงทุนสร้างคลังยางมะตอยและโรงงานผลิตยางมะตอยใน 3 ประเทศจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปีนี้ทั้งหมด โดยโรงงานในลาว และคลังสินค้าในมาเลเซียจะสามารถใช้งานได้ในไตรมาส 2/61 ส่วนที่ฟิลิปปินส์จะใช้งานได้ในไตรมาส 3/61 อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันในสายปิโตรเลียม คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 3/60
"ปีนี้ถือเป็นปีที่ใช้งบลงทุนจำนวนมาก โดยหลักๆเราจะใช้ซื้อเรือขนส่งน้ำมันเข้ามา 1 ลำ ซึ่งจะเข้ามาในเดือนต.ค.นี้ ถือเป็นเรือลำแรกของเราที่ใช้ขนส่งน้ำมัน ก็น่าจะช่วยในการป้องกันความเสี่ยงทั้งราคาน้ำมันและค่าขนส่งได้ และลงทุนในต่างปรนะเทศ อีก 3 ประเทศ โดยเราถือว่ายังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ จากปีก่อนมีเงินสดอยู่ที่ 4 พันล้านบาท และยังมีหนี้สินต่อทุน D/E อยู่ในระดับต่ำ ที่ 0.6 เท่า"นายชัยวัฒน์ กล่าว