นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 โดยมีผลกำไรสุทธิรวม 87.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จาก ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่เป็นส่วนของ TTA อยู่ที่ 65.8 ล้านบาท เป็นผลมาจากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าโดยปกติแล้วช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.จะเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานอ่อนตัวตามวัฏจักรโดยธรรมชาติของธุรกิจ
ขณะที่ TTA มีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาสที่ 1/60 อยู่ที่ 386.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และยังคงรักษาความแข็งแกร่งของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในงบดุลรวมไว้ได้เท่ากับ 9.7 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
สำหรับกลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง (TSG) อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของกลุ่มในไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 7,015 เหรียญสหรัฐต่อวัน สูงขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 87% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีบอลติค (BDI) และดัชนีค่าระวางเรือเฉลี่ยของเรือ Supramax (BSI) จากจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/59 อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่ TSG เป็นเจ้าของยังอยู่ในระดับสูงถึง 99.1% และโดยรวมแล้วอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยในไตรมาส 1/60 ของ TSG สูงกว่าค่าดำเนินงานเงินสดอยู่ที่ 4,740 เหรียญสหรัฐต่อวัน
ทั้งนี้ TSG มีเรือที่เป็นเจ้าของอยู่ 20 ลำ โดยมีขนาดเฉลี่ยเท่ากับ 52,555 DWT และมีอายุเฉลี่ย 11.87 ปี
TSG มี EBITDA อยู่ที่ 176.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากไตรมาสก่อนหน้าและ 400% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย TSG รายงานผลกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ในไตรมาส 1/60
ส่วนเมอร์เมด มาริไทม์ แม้ว่าไตรมาสแรกของปีถือเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอ่อนตัวสำหรับธุรกิจของกลุ่ม แต่สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 26.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้อัตราการใช้ประโยชย์ของเรือลดลง ในขณะที่ EBIDA จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 124% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 107.7 ล้านบาท และ มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง (AOD) อย่างต่อเนื่อง
ด้าน บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) รายงานปริมาณการขายปุ๋ยอยู่ที่ 38,032 ตันในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยต่อตันลดลง ส่งผลให้รายได้จาการขายลดลงเป็น 537.9 ล้านบาท ธุรกิจหลักที่เวียดนามยังคงรักษาผลกำไรในระดับเดียวกับปีที่แล้วตามที่คาดไว้ โดยสามารถดำรงกำไรขั้นต้นที่ 153.2 ล้านบาท แต่เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลให้กำไรสุทธิของไตรมาส 1/60 ลงมาอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท
ส่วนอุปสงค์การเช่าพื้นที่โรงงานยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นผลให้อัตราการใช้ประโยชน์ของพื้นที่โรงงานให้เช่าอยู่ในระดับ 100% ด้วยเหตุนี้รายได้จากการให้บริการให้เช่าพื้นที่โรงงานในไตรมาสที่ 1/60 เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านบาท มาที่ 13.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากพื้นที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นจาก 42,300 ตร.ม.ในไตรมาส 1/59 เป็น 50,500 ตร.ม.ในไตรมาส 1/60
ในส่วนบมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) รายงานผลขาดทุนสุทธิในส่วนของ TTA ลดลง 18% มาอยู่ที่ 16.6 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/60 โดย UMS มีปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 9% จาก 58 พันตันในไตรมาส 1/59 มาอยู่ที่ 63 พันตันในไตรมาส 1/60 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลงเล็กน้อย 1% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 180.7 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/59
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของโทรีเซน ชิปปิ้ง ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก BDI ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1,300 ในช่วงปลายเดือน มี.ค.60 ทำให้บริษัทซื้อเรือ Supramax ขนาดเฉลี่ยเท่ากับ 54,170 DWT จำนวน 1 ลำ กำหนดส่งมอบประมาณเดือน พ.ค.นี้ เราเชื่อมั่นในอนาคตที่ดีของธุรกิจชิปปิ้งและมองหาโอกาสที่จะปรับกองเรือใหม่ให้ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
สำหรับสถานการณ์ตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ปรากฏว่ายังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส 1/60 ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วง 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และแม้ว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจจากปัจจัยต่างๆ ก็ตาม เมอร์เมด มาร์ไทม์ ยังสามารถทำกำไรสุทธิในส่วนของ TTA ได้เพิ่มขึ้น ขระที่ธุรกิจหลักของ PMTA ในเวียดนามยังสร้างผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ เช่นเดียวกับ UMS ที่รายงานผลขาดทุนสุทธิในส่วนของ TTA ลดลง
นอกจากนี้ TTA ยังคงมองหาโอกาสในการลงทนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธุรกิจเดิมเพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น