น.ส.นัฐิยา พัวพงศกร ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จากการให้บริการปีนี้เติบโตราว 4-5% (ไม่ร่วมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) ตามการพัฒนาโครงข่ายให้มีคุณภาพมากขึ้น และอัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ขณะที่ตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA จะอยู่ที่ 42-44% เป็นไปตามรายได้ที่เติบโต และการควบคุมต้นทุน รวมถึงรับรู้ค่าใช้จ่ายสัญญาการเป็นพันธมิตรกับทีโอที
"จริงๆปีนี้เรามองเป้าหมายรายได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน จากการรุกขยายโครงข่าย 4G มากขึ้น ประกอบกับยังมีรายได้เสริมจากฟิกซ์บรอดแบนด์เข้ามา รวมถึงรายได้จากดิจิทัลคอนเทนต์ แม้ว่าจะไม่ได้มีสัดส่วนรายได้ที่ใหญ่มาก แต่ก็จะมีส่วนของ Cloud ที่เป็นฐานลูกค้าองค์กร"น.ส.ณัฐิยา กล่าว
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัทยังคงความเป็นผู้นำในการให้บริการและต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 50% ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 48% โดยตั้งเป้าจะการขยายฐานลูกค้า 4G เพิ่มขึ้นปีละ 10% จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 35% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด 40.6 ล้านราย เป็นไปตามการย้ายของลูกค้าที่ใช้บริการทั้ง 2G และ 3G เป็น 4G เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดในลูกค้ารายเดือนเพิ่มขึ้น โดยเน้นลูกค้าที่มีอัตราการใช้งานระดับกลางถึงสูง เช่น การลดราคาเครื่องสมาร์ทโฟนพ่วงซิม เป็นต้น
ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านภายใต้บริการ "เอไอเอส ไฟเบอร์"ยังคงมุ่งเน้นการขยาย utilization อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันมีโครงข่ายแล้วใน 28 จังหวัด และมีขนาดฐานลูกค้าทั้งหมด 3.7 ล้านครัวเรือน โดยปีนี้ตั้งเป้าจะมีฐานลูกค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนราย เติบโต 2 เท่าจากปีก่อนที่มีอยู่ 3 แสนราย ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้า 1 คน (ARPO) คาดหวังในอนาคตจะมีส่วนแบ่งรายได้จากบริการนี้เป็น 20-25% จากปีนี้อยู่ที่ 4%
ด้านธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ เอไอเอสยังคงสรรหาคอนเทนต์ที่หลากหลาย ด้วยการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ชั้นนำกว่า 100 ช่อง เช่น HBO , FOX , NBA และ Warner TV เป็นต้น มามอบให้ลูกค้าเลือกด้วยรูปแบบที่สะดวกทั้ง 2 รูปแบบ โดยขณะอยู่บ้านเลือกดูจาก AIS PLAYBOX ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน และขณะเดินทางนอกบ้านก็สามารถดูได้จากมือถือผ่านแอป AIS PLAY
พร้อมกันนี้วางงบลงทุนราว 4-4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนการขยายโครงข่ายและการจัดทำโปรโมชั่นของธุรกิจมือถือ ส่วนราว 5,000 ล้านบาทจะใช้สำหรับการขยายบริการ เอไอเอส ไฟเบอร์ ให้ครอบคุลมมากขึ้นในบริเวณที่มีความต้องการใช้งานสูง