นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) คาดว่าผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของอู่เรือใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากเริ่มเปิดให้บริการในระยะแรกเมื่อปลายปี 59 ที่ผ่านมา และจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน พ.ค.60 นี้
ขณะนี้อู่ต่อเรือใหม่ดังกล่าวได้เริ่มทยอยรับเรือในพื้นที่ภาคใต้เข้ามาซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องและมีรายได้เพิ่มขึ้น คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในอีก 7 ปี แต่หากมีปริมาณเรือเข้ามาใช้บริการทั้งในส่วนงานซ่อมและงานต่อเรือจำนวนมาก จะช่วยผลักดันผลประกอบการในปีนี้ด้วย และอาจจะทำให้ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น และยังมองเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 15-20%
นอกจากนั้น บริษัทมองโอกาสรับงานต่อเรือเฟอร์รี่ของภาคเอกชน มูลค่าราว 240 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเปิดประมูลและรู้ผลในช่วงไตรมาส 3/60 หากได้งานเข้ามาก็คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 50-70 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ฯ ในปีหน้า ส่วนงานต่อเรือของภาครัฐคาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปี อาจเป็นเรือขนาดไม่ใหญ่มากนัก และการแข่งขันก็มีมากขึ้นด้วย
สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนจะให้ความสำคัญกับงานโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะเข้าไปรับช่วงงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่อขยายฐานรายได้จากธุรกิจหลักที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักและมีการแข่งขันสูง ขณะเดียวกันจะได้ใช้ประโยชน์จากบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญงานโครงสร้างเหล็กได้อย่างเต็มที่
นายสุรเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทเคยมีผลงานจากงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก และมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากผู้รับเหมาช่วงเพื่อทำงานโครงสร้างเหล็กของสนามบินสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในเร็ววันนี้ด้วย
"ตลาดต่อเรือในปีนี้ยังค่อนทรงตัว โดยบริษัทได้งานต่อเรือขนาดใหญ่เพียง 1 ลำเท่านั้น ปัจจุบันมี Backlog ในมือ 260 ล้านบาท ที่จะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ ขณะที่บริษัทยังมีศักยภาพงานต่อเรือของภาคเอกชนและรัฐบาลที่เตรียมจะเปิดในปีนี้คิดเป็นมูลค่าราว 400-500 ล้านบาท แต่คาดว่าทั้งหมดจะเริ่มเห็นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้" นายสุรเดช กล่าว
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/60 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 4.06 ล้านบาท ลดลง 1.61 ล้านบาท หรือลดลง 28.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.67 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 141.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากงานซ่อมเรือ 89.40 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.40 ล้านบาท หรือ 8.59% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ลูกค้าควบคุมงบซ่อมเรือ ส่งผลให้มูลค่าการซ่อมเรือต่อลำลดลง ท่ามกลางการแข่งขันสูงขึ้นระหว่างอู่เรือ
ขณะที่มีรายได้จากงานต่อเรืออยู่ที่ 47.20 ล้านบาท มีงานโครงการต่อเรือที่รับรู้รายได้จากอัตราส่วนของงานที่ทำสำเร็จ 2 โครงการ คือ โครงการเรือลากจูงกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และโครงการต่อเรือลำเลียงขนาด 2,500 เดทเวทตัน จำนวน 6 ลำ ของบริษัท วีรวรรณ จำกัด ซึ่งเรือลำที่ 1-4 รับรู้รายได้ครบทั้งโครงการ 100% ในส่วนเรือลำที่ 5-6 รับรู้รายได้สะสม 42.66% โดยในไตรมาส 1 ได้ส่งมอบเรือลำที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว ทำให้ในไตรมาส 1/60 มีรายได้ส่วนงานต่อเรือเพิ่มขึ้น 100% เนื่องจากในไตรมาส 1/59 ไม่มีการรับรู้รายได้ส่วนงานต่อเรือ