นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทในเครือของ บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/60 จะทรงตัวหรือเติบโตลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่ยอดขายเติบโต 10% ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีการชะลอตัว เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมที่ผู้ปกครองจะต้องนำเงินไปชำระค่าเล่าเรียนใหมกับบุตร ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคที่ไม่ได้ใช้ไนชีวิตประจำวันมียอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะสินค้าประเภทขนมคบเขี้ยว และอาหารเสริมเพื่อสุขภลพและความงาม มียอดขายที่ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลกดดันแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/60 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 10% หรือมาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 2.2 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดขายของน้ำมันพืชแบรนด์กุ๊กที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับตัวเลขสองหลัก ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 50% ของรายได้ทั้งหมด ประกอบกับการเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาในทุกๆไตรมาส นางโกสุม กล่าวว่า บริษัทจะหันมาเน้นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันมูลค่าตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับตัวเลขสองหลัก โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดเข้ามา จากการออกผลิตภัณฑ์ภายใต้บริษัท ล็อกซ เทรด สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น (LTSI) ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด โดยออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในรูปแบบคอลาเจนร่วมกันครั้งแรก คือ "คอลลา จอยน์" ภายใต้แบรนด์ "ริตะ" ขนาดบรรจุ 50 กรัม ราคา 90 บาท เพื่อเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพทุกเพศทุกวัย และกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกาย
"เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์คอลลา จอยน์ จะสามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และตั้งเป้ายอดขายในปีนี้และปีหน้ารวมกัน 100 ล้านบาท โดยจะมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 5%"นางโกสุม กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้บริษัทร่วมทุน LTSI ตามแผนงานอีก 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา, บำรุงความจำ, เสริมสร้างภูมิต้านทาน และเสริมสรมางการเผาผลาญ ซึ่งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 1 ผลิตภัณฑ์ในทุกไตรมาส พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพในช่วง 5 ปี (ปี 60-64) ที่ 1 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 5 ปี ที่ 5 พันล้านบาท โดยจะต้องออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพอย่างน้อยเพิ่มอีก 10 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและช่วยผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย
"เรามองเห็นถึงโอกาสของอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ตลาดมีการเติบโตต่อเนื่องในระดับ 2 หลัก สวนทางกับอาหารเสริมเพื่อความงามที่การเติบโตสดลงเหลือเพียงหนึ่งหลัก แต่ตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพการแข่งขันจะต้องแข่งกับเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอันดับ 1 อย่างเช่น แบรนด์ ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งกลยุทธ์การแย่งชิงสมวนแบ่งตลาดของเราก็จะต้องทำผลิตภัณฑ์ที่พรีเมียมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับเจ้าใหญ่ในตลาดได้"นางโกสุม กล่าว
สำหรับกรณีที่สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี (ในพระบรมราชูปถัมป์) จะตัดสินใจยกเลิกสัญญากับบริษัทไนการให้เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายนั้น เนื่องจากทางหนองโพได้ปรับกายุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยเป็นการทำการตลาดและการจัดจำหน่ายเอง ขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ของการยกเลิกสัญญาของหนองโพฯ ซึ่งปัจจุบันสัญญาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด แต่บริษัทมองว่าหากหนองโพฯตัดสินใจยกเลิกสัญญาจริงจะไม่กระทบกับยอดขายของบริษัทแต่อย่างใด