(เพิ่มเติม) ORI ผนึก"พราวด์ฯ"เปิดทางบุกคอนโดฯระดับบนดัน backlog พุ่งเป็น 2.4 หมื่นลบ.,เล็งปรับเป้ารายได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 19, 2017 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการระดับลักซัวรี่ PARK24 ช่วยให้บริษัทสามารถขยายเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ซึ่งเป็นจุดแข็งของพราวด์ฯ และจะทำให้ยอดขายรอโอน (backlog) รวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 หมื่นล้านบาท อยู่ในระดับท็อป 5 ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมากจาก ORI จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท และจากโครงการ PARK 24 จำนวน 1 หมื่นล้านบาท โดยสามารถรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี

นอกจากนั้น ยังทำให้บริษัทมีแบรนด์คอนโดมิเนียมทั้งหมด 4 แบรนด์ ได้แก่ เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และ PARK สำหรับเจาะตลาดผู้บริโภคใน 4 เซ็กเมนต์ โดยตั้งเป้าจะกระจายพอร์ตการดำเนินธุรกิจในสัดส่วนเซ็กเมนต์ละ 25% ภายในช่วง 5 ปี

“บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อเจาะตลาดพรีเมียมแมส ขณะที่พราวด์ เรสซิเดนซ์มีความเชี่ยวชาญด้านการดีไซน์ การพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ รวมถึงการเจาะตลาดผู้บริโภคชาวต่างชาติ เราจึงมองเห็นโอกาสร่วมกันและตัดสินใจเป็นพันธมิตรกัน เสริมจุดแกร่งเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคครบทุกเซ็กเมนต์" นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ พราวด์ เรสซิเดนซ์ เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ PARK24 ใจกลางย่านสุขุมวิท มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน มีผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เป็นผู้ซื้อต่างชาติมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องระหว่างปี 60-63

นายพีระพงศ์ คาดว่า ขั้นตอนการเข้าซื้อหุ้น พราวด์ เรสซิเดนซ์ 100% จะเสร็จสิ้นในเดือนปลาย ก.ค.นี้ หรือต้นต.ค.นี้ หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้น ORI มีมติอนุมัติ หลังจากนั้นบริษัทจะทบทวนเป้าหมายรายได้ในปีนี้อีกครั้ง เนื่องจากจะมีรับรู้รายได้จากโครงการ PARK24 ของ พราวด์ เรสซิเดนซ์ ในส่วนของเฟสแรกจากมูลค่าโครงการ 1.7 หมื่นล้านบาท เข้ามาในไตรมาส 3-4/60

อนึ่ง เดิม ORI ตั้งเป้ารายได้ปี 60 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท และยอดพรีเซล 1.3 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ สัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัทจะเพิ่มเป็น 25% หรือประมาณ 6 พันล้านบาทของ Backlog 2.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมมีสัดส่วน 10% โดยหลักมาจากลูกค้าโครงการ PARK24 ที่เป็นชาวต่างชาติคิดเป็นยอดขายประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นฐานให้บริษัทบุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มโครงการระดับพรีเมียมได้มากขึ้น

"เราเป็นเพื่อนรู้จักในวงการสักพักหนึ่งก็เกิดดีล ดีลนี้เป็น Friendly Deal การรวมตัวกันครั้งนี้ ทำให้เกิดขนาดของโครงการภารพรวมมีความน่าสนใจ Backlogจากบริษัท 1.4 หมื่นล้านบาท พราวด์ เรสซิเดนท์ 1 หมื่นล้านบาท รวมกันเป็น 2.4 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้เป็น Top 5 ของธุรกิจอสังหาริมทรพัย์ เรามีกลุ่ม Middle to low และ Middle to high แต่ โครงการ hi -end เรายังทำไม่ได้ ซึ่งตลาดนี้มีผู้บริโภคจำนวนมาก หลังจากรวมตัวกันคิดว่า Portfolio มีความครอบคลุมมากที่สุด สามารถขายห้องละ 1 ล้านถึงห้องละ 10 ล้าน ทำให้เรารองรับได้ทุกกลุ่มลูกค้า"นายพีระพงศ์ กล่าว

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ Park 24 มีลูกค้าทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด (Backlog) 2 เฟสรวม 10,854 ล้านบาท โดยเฟส 1 ขายได้ 4,550 ล้านบาท หรือ 74%ของมูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท คาดจะโอนได้ตั้งแต่ ก.ค.60 จนถึงสิ้นปี 60 ส่วนเฟส 2 มียอดขายแล้ว 6,304 ล้านบาท หรือ 57% ของมูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท จะเริ่มโอนได้ในปี 61โดยเฟส 1 มีลูกค้าต่างประเทศ 5% และเฟส 2 นี้ได้ลูกค้าต่างประเทศถึง 49% รวม 5 พันล้านบาท

"การรวมตัวของเราครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มารวมตัวกันได้ เป็นครั้งแรกที่เกิด ...ตลาดคอนโดมิเนียนมี growth ค่อนข้างดี พราวด์โฟกัสโครงการ Hi-end และก็เห็นตลาดคอนโดแบบ Mass ที่ขายให้กับคน Gen Y ก็ยังเติบโตดีแต่ถ้าเข้าไปทำเองคงใช้เวลานานจึงมารวมตัวกับออริจิ้นฯ รวมได้มากกว่า 1 เรามีในสิ่งที่เขาขาด เขาขาดในสิ่งที่เรามี พอรวมกันแล้วดีทั้งสองฝ่าย"นายธงชัย กล่าว

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่ามีแนวโน้มที่กลุ่มพราวด์ฯ จะเข้าถือหุ้น ORI เพิ่มขึ้น จากที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5% จำนวน 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะเปิดโครงการต่อเนื่องจากโครงการ PARK 24

นายพีระพงศ์ กล่าวถึงตลาดคอนโดมิเนียมว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันตลาดยังกระเตื้องขึ้นไม่มาก ส่วนใหญ่บริษัทรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ โดยไตรมาสแรกรับรู้ไปแล้ว 800 ล้านบาทและไตรมาส 2 คาดจะรับรู้อีก 1 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อจะเพิ่มมากขึ้น ส่วนยอดปฏิเสธคำขอสินเชื่อของธนาคารในช่วงต้นปีนี้จนถึงขณะนี้น้อยลงจากสิ้นปี 59 ที่มีอัตรา 12%

"มองว่า บ้าน ยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่มีความต้องการอยู่ต่อเนื่อง และอนาคตผู้อาศัยในกรุงเทพจะขยายตัวเพิ่มเป็น 20 ล้านคนจาก 10 ล้านคนในปัจจุบันผ่านโครงสร้างคมนาคมพื่นฐาน"นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินเพื่อใช้พัฒนาโครงการาว 3-4 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ