นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 40-50% โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราว 1.17 พันล้านบาท แบ่งเป็น งานด้านการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง 850 ล้านบาท และงานด้านการให้บริการติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 400 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตกว่า 30%
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานเพิ่มเติมเป็นงานติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง มูลค่า 200-250 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในช่วงไตรมาส 3/60 อีกทั้งอยู่ระหว่างต่อรองราคากับลูกค้าที่ต้องการเช่าใช้บริการโครงข่ายเพื่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเมียนมา น่าจะชัดเจนภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้ และเจรจาเสนองานให้บริการโครงข่ายกับลูกค้าในมาเลเซียเพิ่มเติม แต่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำเสนอรูปแบบโครงข่าย ซึ่งยังไม่คืบหน้ามากนัก
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่ารายได้จะเติบโต 20% จากไตรมาส 1/60 ที่มีรายได้ 187.90 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ประจำเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในส่วนของงานติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงและงานให้บริการโครงข่ายฯ โดยบริษัทยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ได้และตั้งเป้าการยกเลิกสัญญาของลูกค้ารายเดิมไม่เกิน 5% ซึ่งปัจจุบันมีการยกเลิกสัญญาเกิดขึ้นราว 1%
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เข้าไปรับงานบริการวงจรเช่าความเร็วสูงให้กับ บมจ.เมืองไทยลิสซิ่ง (MTLS) โดย MTLS ตั้งเป้าจะขยายจำนวนสาขาเพิ่มเป็น 2,000 สาขาภายในปี 60 จากเดิมที่มีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,600 สาขา โดยบริษัทคาดหวังจะเริ่มติดตั้งระบบให้กับ MTLS ได้ 60-70% ในไตรมาส 2/60 น่าจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 ทั้งงานติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง และงานให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20-25%
สำหรับโครงการดาต้า เซ็นเตอร์ (Data Center) แห่งใหม่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3/60 บริษัทคาดหวังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเช่า Data Center ราว 30% ของจำนวนการจัดเก็บข้อมูล (Capacity) ทั้งหมด 624 Rack ซึ่งในเฟส 1 จะมีจำนวน Capacity ราว 180-200 Rack แม้ว่าในปัจจุบันการก่อสร้างโครงการ Data Center ที่ล่าช้ากว่ากำหนด ไม่ได้ส่งผลต่อรายได้รวมของบริษัท เพราะรายได้ของโครงการ Data Center แห่งใหม่ ยังไม่ได้มีการรับรู้เข้ามาในบริษัทในปีนี้
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในปี 60 ของบริษัท แบ่งเป็น รายได้จากการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง สัดส่วน 60% รายได้จากการติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง สัดส่วน 30% และรายได้จากธุรกิจ Data Center สัดส่วน 10%