ILINK ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% หลังมี Backlog 1,479 ลบ. รับรู้ฯกว่า 50% ปีนี้, กำไร Q2/60 โตกว่า Q1

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 22, 2017 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 15-20% มาที่กว่า 3,500 ล้านบาท จากระดับ 2,972 ล้านบาทในปีก่อน จากการเติบโตของทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,200 ล้านบาท ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 700-800 ล้านบาท และโทรคมนาคม จะอยู่ที่ 800-900 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,479 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี (ปี 60-62) โดยในปีนี้คาดจะรับรู้รายได้มากกว่า 50% ส่วนปี 61 จะรับรู้รายได้ราว 30-40% และที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปีสุดท้าย นอกจากนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างเข้าประมูลงานเพิ่มเติมอีก แบ่งเป็น งานวางสายเคเบิลใต้น้ำ (Submarine cable) มูลค่า 2,100 ล้านบาท คาดจะรู้ผลในครึ่งปีหลังนี้ และอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานสถานีไฟฟ้าย่อย มูลค่า 500-600 ล้านบาท คาดจะรู้ผลในไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ปีนี้

รวมถึงเตรียมเข้าประมูลงานร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ ในโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน ที่พระราม 3 และอโศก-รัชดา มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนส.ค.และพ.ย.60 ตามลำดับ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายราย ทั้ง บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศจีน ,สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนก.ค.นี้

อีกทั้งอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าราว 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศและรู้ผลได้ในเดือนมิ.ย.นี้

นายณัฐนัย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณในปีนี้ยังคงมีแนวโน้มรายได้ที่มั่นคง แม้ในไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา อาจจะมีลดลงไปบ้าง เนื่องจากลูกค้าชะลอการส่งของจากโครงการที่ล่าช้าของลูกค้า แต่โครงการที่ชะลอออกไปจะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/60 ประกอบกับบริษัทจะกระตุ้นการส่งเสริมการขาย อีกทั้งการลงทุนของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Digital Economy จะส่งผลให้ภาพรวมตลาดสามารถเติบโตได้มากกว่าปกติ ทำให้บริษัทเตรียมความพร้อมที่จะนำเสนอสินค้าต่อลูกค้า เพื่อสอดคล้องกับตลาดสายสัญญาณที่คาดว่าจะเติบโตได้ 7-10%

นอกจากนี้ในส่วนธุรกิจวิศวกรรมโครงการ บริษัทยังจะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานในโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โครงการสายใต้น้ำและโครงการสายใต้ดิน เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลต่องานในมือปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนธุรกิจโทรคมนาคมมีแนวโน้มรายได้ที่สูงขึ้น จากปริมาณการใช้งานของลูกค้าเช่าวงจร และเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่จะรับรู้รายได้จากการให้บริการ รวมถึงการติดตั้งโครงการจากการรับเหมาติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต และยังมีโครงการรัฐอีกหลายโครงการที่บริษัทจะเข้าร่วม เพื่อเป็นการเพิ่มการใช้งาน Utilization ของโครงข่ายเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการใช้งานเพียง 20% เนื่องจากประสิทธิภาพที่สูงของเทคโนโลยีที่บริษัทได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ โดยจะเร่งหาลูกค้าที่มีสาขาทั่วประเทศตามพื้นที่ใช้บริการของบริษัท เข้ามาใช้งานเพิ่มขึ้นอยู่โดยตลอด

นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดรายได้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 ที่อยู่ที่ 789 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะเติบโตได้มากกว่าไตรมาสแรก ที่อยู่ที่ 12.19 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากในไตรมาส 1/60 มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับภาษีนำเข้าจากกรมศุลกากรเข้ามา 35.43 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 2 ไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะทำให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ