นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัดดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ หลังจากประกาศรวบเงินทุนศรีสวัสดิ์เป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ วางแผน 3-5 ปีขยายฐานลูกค้ารวมทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเป็น 2-3 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แสนราย พร้อมบุกหนักตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV รวมถึงอินโดนีเซียที่จะมีการตั้งสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% ภายในปี 64 จากขณะนี้อยู่ที่ราว 1% เท่านั้น
ขณะที่การศึกษาเข้าซื้อธุรกิจลีสซิ่งเข้ามาเสริมทัพคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
“กรรมการบริษัทและทีมผู้บริหารของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และ ทีมผู้บริหาร บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกัน ทำให้เราสามารถขยายการดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและเต็มรูปแบบ และนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ออกมาเสนอต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น เป้าหมายของกลุ่มบริษัท คือ ศรีสวัสดิ์ สถาบันการเงินทางเลือกใหม่ มั่นคง โปร่งใส ให้บริการที่สะดวกเป็นกันเอง ภายใต้กรอบกฎหมายและการกำกับของ ธนาคารแห่งประเทศไทย"นางสาวธิดา กล่าว
นางสาวธิดา กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าจากแผนการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศจะช่วยผลักดันให้บริษัทเพิ่มฐานลูกค้าขึ้นเป็น 2-3 ล้านราย ภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 4 แสนราย
สำหรับแผนการขยายกิจการในประเทศว่า บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโตราว 30% จากปี 59 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อ 18,000 ล้านบาท และมีแผนจะเพิ่มสาขาให้เป็น 2,400 สาขาในสิ้นปีนี้ โดยช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีการเติบโตได้ค่อนข้างดี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 แม้ว่าภาพรวมกำลังซื้อในประเทศยังทรงตัวอยู่ไม่ได้ปรับตัวดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ยังคงต้องการเงินไปใช้เพิ่มสภาพคล่องในกิจการ และขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง
และด้วยกลยุทธการใกล้ชิดกับลูกค้า รวมไปถึงมีระบบที่ดีในการอนุมัติสินเชื่อ จึงสามารถรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในและดับ 3% และตั้งเป้าที่จะรักษาให้อยู่ในระดับนี้ตลอดทั้งปี
ส่วนแผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสาขาในประเทศให้เพิ่มเป็น 3,500 สาขาภายใน 3-5 ปีจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,300 สาขา โดยจะใช้งบลงทุนราว 2 แสนบาท/สาขาเพื่อที่จะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ด้านการขยายกิจการในต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% ภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 1% เท่านั้น โดยปีนี้วางเป้าจะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อในเมียนมาเป็น 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 8 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 สาขา เน้นในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ที่เป็นเมืองใหญ่และมีประชากรหนาแน่น
บริษัทยังมีแผนขยายสาขาในเวียดนามในปีนี้ให้เป็น 10 สาขา จากปัจจุบัน 4 สาขา เน้นในพื้นที่ภาคใต้ก่อน โดยเฉพาะโฮจิมินห์ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่และมีประชากรมาก ขณะที่ในลาวจะเริ่มเปิดสาขาแรกในช่วงไตรมาส 3/60 คาดว่าจะปีนี้จะมีการขยายสาขารวม 2-3 สาขาในแขวงสะหวันเขตและเวียงจันทน์
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในกัมพูชาและอินโดนีเซีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
"การขยายต่างประเทศเราเริ่มต้นจากการเน้นสินเชื่อแบบมีหลักประกันเป็นหลัก เพื่อที่จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มแรกของการดำเนินกิจการ แต่ระยะยาวเราก็จะมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มากขึ้นไปอีก โดยในระยะยาวเราหวัฃที่จะมีสัดส่วนรายได้ขึ้นไปถึง 15-20% ซึ่งเราตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ได้ภายใน 3-5 ปีต่อจากนี้" นางสาวธิดา กล่าว
นางสาวธิดา กล่าวอีกว่า แผนการเติบโตที่บริษัทวางไว้ยังมีการศึกษาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจลีสซิ่ง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในข่วงครึ่งหลังของปีนี้
บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000-4,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/60 เพื่อรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง และเพื่อใช้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดด้วย