โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.อาร์เอส (RS) เล็งผลดำเนินงานปีนี้พลิกเป็นกำไรราว 196-214 ล้านบาท จากปีที่แล้ว ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 102 ล้านบาท ขานรับธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ซึ่งมียอดขายที่ดีมากหลังทำยอดขายได้โดดเด่นตั้งแต่ไตรมาส 1/60 ช่วยหนุนกำไรของ RS ในไตรมาสดังกล่าวทำได้ดีกว่าคาด
ขณะที่แนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส 2/60 ก็จะมีกำไรที่ดีขึ้นด้วย เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลของโฆษณา และธุรกิจ Health & Beauty ก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ธุรกิจทีวีดิจิตอลก็ฟื้นตัวดีขึ้นจากเรตติ้งที่สูงขึ้นของรายการกีฬาและข่าว ทำให้สามารถปรับค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้ โดยธุรกิจทีวีที่มีการขายล่วงหน้าแล้ว 50% และเป็นราคาขายที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังคงคาดอัตราการเช่าเวลาที่เฉลี่ย 65% สำหรับเรตติ้งช่อง 8 เฉลี่ยทรง ๆ จากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน RS ยังมีความสามารถในการบริหารต้นทุนธุรกิจเพลงและทีวีดีกว่าคาดด้วย ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานดีขึ้น
ราคาหุ้น RS พักเที่ยงอยู่ที่ 9.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท (+1.57%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.34%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ไทยพาณิชย์ ซื้อ 12.00 ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 11.70 เอเชีย พลัส ซื้อ 10.40 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 10.80 ทิสโก้ ถือ 10.00 โนมูระ พัฒนสิน NEUTRAL 9.90
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น RS ซึ่งได้มีการปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีผลขาดทุนสุทธิ เนื่องจากธุรกิจ Health & Beauty มียอดขายที่ดีมาก ซึ่ง RS ได้เริ่มทำธุรกิจนี้มา 1-2 ปีแล้ว ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 59 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 1/60 พุ่งขึ้นมาก หนุนให้กำไรในงวดไตรมาส 1/60 สูงกว่าคาดด้วย
สำหรับในไตรมาส 2/60 ก็คาดว่าจะมีกำไรที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลของโฆษณา และธุรกิจ Health & Beauty ก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ RS มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสื่อ 58% ธุรกิจ Health & Beauty สัดส่วน 26% ส่วนที่เหลือก็เป็นรายได้จากส่วนอื่น ๆ อย่างลิขสิทธิ์เพลง เป็นต้น
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่าธุรกิจทีวีของ RS ดีขึ้นจากเรตติ้งรายการกีฬาและข่าวที่มีเรตติ้งสูง ทำให้สามารถปรับราคาค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้ และธุรกิจ Health & Beauty ที่เติบโตเร็ว
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/60 น่าจะเติบโตจากเข้าสู่ช่วงการใช้จ่ายโฆษณาของกลุ่มเอเจนซี่ อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการเดิมที่คาดว่า RS จะมีกำไรสุทธิปี 60-61 ที่ 196 ล้านบาท และ 317 ล้านบาทตามลำดับ จากธุรกิจทีวีที่มีการขายล่วงหน้าแล้ว 50% และราคาขายปัจจุบันที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นแล้วจากรายการข่าวและกีฬาที่เป็นที่นิยม โดยอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ย 30,000 บาท/นาที จากเดิมที่ 22,000 บาท/นาที และยังคงคาดอัตราการเช่าเวลาที่เฉลี่ย 65% สำหรับเรตติ้งช่อง 8 เฉลี่ยทรงๆ จากปีที่ผ่านมา สิ้นเดือน มี.ค.อยู่ที่ 0.48
ส่วนธุรกิจ Health & Beauty มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 18% จาก 7% เมื่อเทียบปีที่แล้ว จากการทำการตลาดเน้นทางด้านเทเลเซล (call center) ทำให้ลดค่าใช้จ่ายการตลาดของธุรกิจลงในปีนี้ โดยตั้งงบไว้ที่ 20 ล้านบาท จากระดับ 90 ล้านบาทในปี 59 และคาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากธุรกิจดังกล่าวซึ่งมีมาร์จิ้นสูง โดยคาดอัตรากำไรสุทธิ 60-61 ที่ 6% และ 8% ตามลำดับ
ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯ โดยคาดว่าผลประกอบการของ RS ในไตรมาส 2/60 จะฟื้นตัวสูงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Health & Beauty ที่เป็นตัวหนุนหลัก ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อไตรมาส และโตก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ทีวีดิจิตอลกระเตื้องขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงและกำลังซื้อโดยรวมไม่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรปกติปี 60-61 ขึ้น 8-9% จากการเติบโตสูงของธุรกิจ Health & Beauty และการกระเตื้องขึ้นของธุรกิจทีวีดิจิตอล ตลอดจนการควบคุมต้นทุนของธุรกิจเพลง ส่งผลให้ปรับราคาเป้าหมายปี 60 เพิ่มขึ้นมาที่ 10.80 บาท จากเดิมที่ 10 บาท
ด้านบทวิเคราะห์ของบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 60 ของหุ้น RS เป็น 9.90 บาท จากเดิม 8.50 บาท เนื่องจากปรับเพิ่มปะมาณการกำไรปี 60-62 ขึ้นจากเดิม 15-34% จากธุรกิจ Health & Beauty ที่มียอดขายสูงกว่าคาด และมีความสามารถในการบริหารต้นทุนธุรกิจเพลงและทีวีที่ดีกว่าคาด
อย่างไรก็ดี พบว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลมีแนวโน้มผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดจากต้นทุนที่สูงกว่าคาดเช่นกัน ระยะสั้นคาดหุ้น RS มี Sentiment บวกจากผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวโดดเด่นเป็นกำไร 75 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจ Health & Beauty และการฟื้นตัวของธุรกิจสื่อโฆษณา