SC คาดผลงาน H2/60 ดีกว่า H1/60 รับยอดโอน 2 คอนโดฯ-ครึ่งปีหลังตะลุยเปิดแนวราบดันรายได้โต

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 24, 2017 17:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นจากการชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะยอดโอนที่ช่วงปลายปี 60 จะมีโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการที่สร้างเสร็จและเริ่มทยอยโอน คือ โครงการ CHAMBERS CHANN ลาดพร้าว-วังหิน และ CHAMBERS CHER รามอินทรา

ขณะเดียวกันปัจจัยที่จะเข้ามาสนับสนุนยอดโอนในครึ่งปีหลัง คือ การเดินหน้าเปิดโครงการแนวราบในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด เนื่องจากโครงการแนวราบสามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างรวดเร็วกว่าโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการการแนวราบทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในช่วงไตรมาส 2/60 ไปจนถึงไตรมาส 4/60 สัดส่วน 30% และส่วนที่เหลือทยอยจะรับรู้ไปถึงปี 62 โดยบริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท

ส่วนแนวโน้มยอดขายและยอดโอนในไตรมาส 2/60 คาดว่าอาจจะยังเห็นการชะลอตัวอยู่บ้าง เนื่องจากในปีนี้ไม่มีมาตรการสนับสุนนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเหมือนกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัวหากเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับ การเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสนี้มีจำนวนลดลงเหลือ 2 โครงการ มูลค่า 3.1 พันล้านบาท จากไตรมาส 1/60 ที่เปิดโครงการใหม่ไปจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 6 พันล้านบาท และยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นยอดขายฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังชะลอตัวต่อเนื่องมาจากช่วงปลายปีก่อน เพราะยังไม่มีมาตรการใหม่ ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้น และความมั่นใจของผู้ซื้อยังไม่กลับมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

อีกทั้งยังเผชิญกับปัญหาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และส่งผลต่อความเสี่ยงในแง่ยอดโอนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันไม่ถึง 10% ใกล้เคียงกับปีก่อน

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มองว่ามีการเติบโตและมีการซื้อโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับราคา 3-10 ล้านบาท มีอัตราการ walk-in และการซื้อที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าระดับบนที่ซื้อโครงการราคามากกว่า 10 ล้านบาท ยังมีการเติบโต แต่เป็นการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง

นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 8 พันล้านบาท ปัจจุบันได้ใช้ซื้อที่ดินไปแล้ว 40%

พร้อมกันนั้นยังตั้งงบลงทุนในบริษัท Startup ในช่วงปี 60-61 จำนวน 50 ล้านบาท โดยได้ใช้ลงทุนไปแล้ว 10 ล้านบาท ผ่านการลงทุนของ SC Able ที่ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร startup คือ Fixzy ซึ่งเป็น application รวบรวมสารพัดช่างด้านงานก่อสร้าง โดยช่างบน platform ของ Fixzy จะได้รับการฝึกพัฒนาจาก Able Academy

SC Able รับผิดชอบงานบริการหลังการขายแบบครบวงจร ภายใต้สโลแกน“Your Home in Good Hands – มือโปรของทุกบ้าน"แบ่งเป็น 3 เรื่อง ได้แก่ 1.After-sales Service Management ดูแลบริการหลังการขายลูกค้า SC ที่อยู่ในระยะรับประกัน 2.Home Service Contractor เป็นผู้รับเหมาดูแลงานซ่อมบำรุงสำหรับลูกค้า SC นอกระยะรับประกัน กับลูกค้าทั่วไป 3.Able Academy เป้าหมายผลิตบุคลากรเพื่อยกระดับความเป็นเลิศด้านมาตรฐานและการบริการ ด้วยสถาบันอบรมพัฒนาช่างฝีมือและอบรมทีมรักษาความปลอดภัย (รปภ.) พร้อมกับได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ เอสซีจี,แอร์ไดกิ้น และสีเบเยอร์, เป็นต้น

สำหรับแผนงานในอนาคตในการพิจารณาร่วมทุนกับ Innovative startup อื่นๆ จะต้องคำนึงถึงธุรกิจที่สอดคล้องและส่งเสริมเรื่องงานบริการหลังการขายเป็นสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ