หุ้น AH ราคาพุ่งขึ้น 8.46% มาอยู่ที่ 21.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.60 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.05 น. โดยเปิดตลาดที่ 22 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 22 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.70 บาท
บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เข้าลงทุนในบริษัท Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) มูลค่ารวม 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,522 ล้านบาท หลังจากที่ SGAH เสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในอินเดีย โปรตุเกส สหรัฐอเมริกา และจีน
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย 1.หุ้นเพิ่มทุนใน SGAH จำนวน 25.10% รวมมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท และ 2.เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (Synthetic Convertible Loan) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้กู้แก่ SGAH มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/60
โครงสร้างการลงทุนในลักษณะนี้มีจุดมุ่งหมายให้เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์เป็นกระบวนการชำระค่าหุ้นเพิ่มในส่วนของหุ้น 25.10% ที่คาดว่าจะได้รับโอนภายในไตรมาส 2/60 เมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาที่เกี่ยวข้องสำเร็จครบถ้วน หรือได้รับการยกเว้น โดยการแปลงสภาพและมูลค่าที่จะมีการเปลี่ยนสภาพนั้น มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับมูลค่าหุ้นของ SGAH ซึ่งคำนวณจากกำไรในอนาคตของ SGAH
เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ดังกล่าวมีเงื่อนไขการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SGAH) ในวันที่ 31 มี.ค.63 ซึ่งหุ้นสามัญ 1 หุ้นนี้ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ เพียงแต่เป็นการโอนให้บริษัทเพื่อต่างตอบแทนการยกหนี้ให้แก่ SGAH หาก SGAH สามารถบรรลุเงื่อนไขการแปลงสภาพตามกำไรที่ทำได้ใน 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากการแปลงสภาพ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน SGAH จะเท่ากับ 25.11%
ภายหลังการปรับโครงสร้าง กลุ่ม SGAH จะประกอบด้วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น หัวต่อแกนล้อ (Steering Knuckle) จานเบรก (Brake Disc) ดรัมเบรก (Brake Drum) เบรกก้ามปู (Brake Caliper) แขนเพลา (Axle Arm) และแท่นยึด (Bracket) เพื่อส่งให้กับผู้ผลิตยานยนต์ (OEM) รายใหญ่ เช่น General Motors, Continental AG, Maruti Suzuki India Limited, Iljin Automotive Private Limited และ Ford เป็นต้น
แหล่งเงินลงทุนที่ใช้ครั้งนี้จะมาจากเงินสดภายในบริษัทจำนวน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 880.50 ล้านบาท ,เงินส่วนที่เหลือจำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,641.50 ล้านบาท จะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ธ.ทหารไทย (TMB) ,ธ.กรุงเทพ (BBL) โดยจะทำสัญญากู้เงินจากแต่ละธนาคารในวงเงิน 37.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,350 ล้านบาท มีระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน MLR-2.30%