โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.จีเอฟพีที (GFPT) หลังมองไตรมาส 2/60 กำไรสุทธิจะเติบโตดีกว่าไตรมาสแรก และกำไรในไตรมาส 3/60 ก็จะเติบโตดีขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก ขณะที่ยังได้รับผลบวกจากหลายประเทศประสบปัญหาโรคไข้หวัดนกก็มีการนำเข้าไก่มากขึ้น นอกจากนี้ ประเทศบราซิลที่มีปัญหาไก่ไม่ได้คุณภาพก็หันมานำเข้าไก่ด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วยหนุนการส่งออกไก่จากไทยให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วย
ประกอบกับ ราคาไก่ในประเทศก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางภาวะต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ระดับต่ำ ส่งผลดีต่ออัตรากำไรสุทธิให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาหุ้น GFPT พักเที่ยงอยู่ที่ 19.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท (+1.59%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.04%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 20.20 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 21.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 21.00 ทิสโก้ ซื้อ 19.50 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 20.00
นายบุญญา วิกัยสุขสกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากภาวะตลาดไก่ส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น ประเทศในเอเชียอื่น ๆ และตลาดส่งออกใหม่เพิ่มจากทั้งประเทศเกาหลี และสิงคโปร์ ทำให้เป็นตัวผลักดันราคาไก่ในประเทศปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42 บาท/กิโลกรัม (กก.) ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำส่งผลดีต่อความสามารถในการทำกำไรที่จะปรับตัวสูงขึ้นระหว่างปี
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ GFPT ในไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/60 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลที่มีปริมาณขายสูง โดยประมาณการกำไรปีนี้จะเติบโตเป็น 1,879 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.3% จากปีก่อน จากแนวโน้มราคาไก่ที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกทั้งในด้านของราคาขายและความสามารถในการทำกำไร
ด้านบริษัท แม็คคีย์ ฟู้ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นอยู่ 49% และเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนไก่ มีแผนในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานกว่าเท่าตัวในปี 61 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,800 ตันต่อเดือน จะเพิ่มขึ้น 1,000 ตันต่อเดือนในต้นไตรมาส 4/60 และเพิ่มอีก 1,000 ตันต่อเดือน ในช่วงกลางปีหน้านั้น จะช่วยเพิ่มขนาดความสามารถในการรับออเดอร์และสร้างเสถียรภาพด้านกำไรให้กับ GFPT ในระยะยาวได้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิ ของ GFPT ในไตรมาส 2/60 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วงของโลซีซั่น และไตรมาส 3/60 ก็จะดีกว่าไตรมาส 2 เนื่องจากเป็นช่วงของไฮซีซั่น เป็นไปตามการส่งออกไก่ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยได้รับอานิสงส์ จากการที่ประเทศญี่ปุ่นและยุโรป เกิดการระบาดโรคไข้หวัดนกทำให้ประชาชนไม่บริโภคเนื้อไก่ในประเทศตนเอง ส่งผลให้มีการนำเข้าไก่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เป็นผู้นำเข้ารายหลักอยู่แล้ว ขณะที่ประเทศบราซิล ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านคุณภาพ ก็น่าจะมีการนำเข้าไก่เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ GFPT ในปีนี้จะเติบโตราว 15.8% จากตลาดส่งออกไก่ไทยที่มีแนวโน้มสดใส ขณะที่ราคาไก่ในประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาท/กก. ได้ปรับตัวขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 36 บาท/กก. และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอีกจากอุปทานที่เบาบางลง อีกทั้งราคาอาหารสัตว์ก็ยังอยู่ระดับต่ำจากคาดการณ์ผลผลิตจากประเทศผู้ผลิตหลักยังคงสูงอยู่ โดยราคาข้าวโพดอยู่ที่ 8.0 บาท/กก. และราคากากถั่วเหลืองอยู่ที่ 15.5 บาท/กก.ยังเป็นปัจจัยหนุนต่ออัตรากำไรด้วย
"เราได้ปรับคำแนะนำเป็น"ซื้อ" จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2 ก็น่าจะดีกว่าไตรมาสแรก และไตรมาส 3 ก็น่าจะดีกว่าไตรมาส 2 ตามลำดับ จากเป็นช่วงของไฮซีซั่น ขณะที่มองราคาไก่ในประเทศก็ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตราว 15.8%"นักวิเคราะห์ฯ กล่าว
ด้านนางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่ากำไรสุทธิของ GFPT ในปี 60 จะเติบโตได้ราว 14% เป็น 1,873 ล้านบาท จากปริมาณการขายไก่ที่เพิ่มขึ้น และราคาไก่ในประเทศที่น่าจะอยู่ที่ 38-40 บาท/กก. ขณะที่คาดรายได้ก็จะเติบโตราว 10% จากปีก่อน เป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมไก่ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง เห็นได้จากในไตรมาส 1/60 ไทยมีปริมาณการส่งออกไก่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.81 แสนตัน ซึ่งปกติแล้วในไตรมาส 1 ถือเป็นช่วงที่ปริมาณการส่งออกจะไม่สูงมากนัก ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2 และสูงที่สุดในไตรมาส 3 จากเป็นช่วงของไฮซีซั่นของการส่งออก
ขณะที่ในหลายประเทศก็ประสบปัญหาโรคไข้หวัดนก และประเทศบราซิล ที่เผชิญกับปัญหาการติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้รองรับมาตรฐานความปลอดภัยในสินค้าเนื้อสัตว์ส่งออกที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และมาเลเซีย เห็นได้จาก GFPT มีปริมาณการส่งออกไก่ในไตรมาส 1/60 เติบโตถึง 39% เป็น 7,500 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 5,400 ตัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาวัตถุดิบได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ในไตรมาส 4/59 แต่ก็ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก ซึ่ง GFPT ได้สต็อกล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน จึงน่าจะยังเป็นบวกต่อต้นทุนการเลี้ยงไก่ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น จากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก โดย GFPT เตรียมขยายกำลังการผลิตเนื้อไก่ชำแหละเพิ่มขึ้น 15% เป็น 1.5 แสนตัวในปีนี้ เพื่อรองรับการส่งออก รวมถึงบริษัทร่วมทุนทั้ง Mckey และบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN) ก็มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 20% เช่นกัน
พร้อมกันนี้ คาดปริมาณการส่งออกในปีนี้ของ GFPT จะเพิ่มขึ้น 7% หรือราว 30,000 ตัน และคาดราคาไก่จะเฉลี่ยอยู่ที่ 38 บาท/กก. จากแนวโน้มราคาไก่ที่เพิ่มขึ้นตามราคาลูกไก่ท่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 10.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.45% และคาดกำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 14% มาอยู่ที่ 1,878 ล้านบาท ส่วนรายได้จะเติบโตเป็น 17,936 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 17,394.11 ล้านบาท
"ปีนี้ก็น่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อนทั้งรายได้และกำไรสุทธิ จากการส่งออกไก่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ราคาไก่ในประเทศที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนราคาวัตถุดิบที่อยู่ในระดับต่ำ"นักวิเคราะห์ กล่าว