หุ้น AH ราคาพุ่งขึ้น 10.53% มาอยู่ที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 41.67 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.07 น. โดยเปิดตลาดที่ 22.80 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 24.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 22.80 บาท
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) เนื่องจาก Valuation ถูกสุดในกลุ่ม จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตโดดเด่นดังกล่าว ส่งผลให้ Forward PER ในปี 60-61 ลดลงเหลือต่ำเพียง 8.5 และ 7.1 เท่า ถูกที่สุดเทียบกับ Peer ในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ โดยฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 28.00 บาท จากเดิม 19.80 บาท อิง P/E 11 เท่า ยังมี Upside เปิดกว้างอีกราว 28.4% พร้อมคาดหวัง Divided Yield ที่ 3.3% และเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มฯ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้บริหารได้แจ้งต่อนักลงทุนถึงการเข้าลงทุนในบริษัท Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย โปรตุเกส สหรัฐอเมริกา และจีน มูลค่าเงินลงทุนรวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,522 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.หุ้นเพิ่มทุนใน SGAH จำนวน 25.1% รวมมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2.เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (Synthetic Convertible Loan) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้กู้แก่ SGAH มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งเงินลงทุนที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือจำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน MLR-2.30% โดยคาดว่าจะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน มิ.ย.60
โดยฝ่ายวิจัยมองว่าการเข้าลงทุนของบริษัทในครั้งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ผลิตชิ้นส่วนและขายในประเทศไทยเป็นหลัก นอกจากนี้ในอนาคตกลุ่ม SGAH มีแผนเข้าลงทุนร่วมกับ AH ซึ่งเป็นผู้ผลิตโครงช่วงล่างรถกระบะ และชิ้นส่วน Forging ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งเรื่องการเพิ่มทักษะและเทคโนโลยี่การผลิต ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดระดับโลก
ในแง่ของผลประกอบการ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขการลงทุนที่ค่อนข้างรัดกุม กล่าวคือ นอกจากจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามสัดส่วน 25.1% คาดไม่น้อยกว่า 118 ล้านบาทต่อปี และยังจะได้ดอกเบี้ยรับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็นเวลา 3 ปี โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นไม่มาก คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยราว 4.3-4.4% ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมี Net D/E หลังเข้าทำรายการที่ 0.73 เท่าต่ำกว่าเพดานที่ไม่เกิน 2 เท่า และเมื่อพิจารณาประกอบกับความสามารถในการทำกำไรของ AH เองที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากแผนการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2560 ขึ้นจากเดิม 42.2% อยู่ที่ 824 ล้านบาท เติบโต 51.7%YoY และเพิ่มเป็น 991 ล้านบาท เติบโต 20.2%YoY ในปี 2561