นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เหลือโต 2-4% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 4-5 % เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบของการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 1/60 ที่ออกมาต่ำกว่าประมาณการณ์ที่วางไว้ โดยมีอัตราการเข้าพัก (OCC) ลดลงมาอยู่ที่ 85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 87% เนื่องจากการปรับตัวลดลงของอัตราการเข้าพักโรงแรมที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ชะลอตัว และโรงแรมที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว มีอัตราการเข้าพักลดลงจากการปิดถนนเพื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดว่าทั้งปี 60 อัตราการเข้าพักจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 81-82% เพราะมีการเติบโตของอัตราการเข้าพักจากโรงแรมในประเทศ โดยเฉพาะในพัทยาและภูเก็ต จากจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียที่กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยไตรมาส 1/60 จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 34% และคาดว่าภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะสามารถเติบได้ 8% หรือมาอยู่ที่ 35.2 ล้านคน
ส่วนอัตราเฉลี่ยรายได้ต่อจำนวนห้องพัก (RevPar) บริษัทได้มีการปรับประมาณการลงเหลือโต 2-3% จากเดิมคาดโต 3-4% ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากรายได้ในโรงแรมในที่มัลดีฟส์ที่กดดัน RevPar อย่างมีนัยสำคัญ โดยภาพรวมทั้งปีก็อาจจะยังคงติดลบ เพราะโรงแรม 4 ดาวของบริษัทในมัลดีฟคาดว่าจะติดลบ แต่โรงแรม 5 ดาวในมัลดีฟอาจจะเป็นบวกได้ในบางช่วง
ด้านธุรกิจอาหารยังคงเป้าหมายของยอดขายของสาขาเดิม (SSS) โต 1-2% แม้ว่าในไตรมาส 1/60 จะติดลบ 1.3% ซึ่งบริษัทเชื่อว่าตั่งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป แนวโน้มกำลังซื้อจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับการขยายสาขาใหม่จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารด้วย โดยไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมาบริษัทเปิดสาขาใหม่ไปแล้วจำนวน 20 สาขา และคาดว่ายอดขายสาขารวมทั้งหมดจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5-6%
สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทวางไว้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท รวมงบลงทุนสำหรับการร่วมทุนในโครงการโรงแรมที่ดูไบ และงบสำหรับการซื้อกิจการร้านอาหาร โดยจะใช้สำหรับธุรกิจโรงแรมไม่ต่ำกว่า 1.02 พันล้านบาท เน้นการปรับปรุงโรงแรมเดิม 500-600 ล้านบาท การปรับปรุงห้องพักของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ราว 170 ล้านบาท การลงทุนการสร้างโรงแรมโคซี่สมุย ราว 220 ล้านบาทและก่อสร้างโรงแรมโคซี่พัทยาอีก 30 ล้านบาท
และอีกไม่ต่ำกว่า 1.1 พันล้านบาท จะใช้การปรับปรุงสาขาร้านอาหารเดิม 350 ล้านบาท การขยายสาขาใหม่ 590 ล้านบาท และอื่นๆ อีก 160 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ในโครงการร่วมทุนในดูไบ
นายรนชิต กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการเปิดโรงแรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมโคซี่ สมุย จำนวน 151 ห้อง และโรงแรมในบาห์เรน ซึ่งเป็นโรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหาร คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 7,588 ห้อง และจะมีจำนวนห้องพีกเพิ่มเป็นมากกว่า 14,000 ห้อง ภายในปี 64 และในปีนี้จะมีจำนวนสาขาร้านอาหาร 866 สาขา และจะเพิ่มเป็นมากกว่า 1,100 สาขาภายในปี 64
บริษัทยังมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด 1 พันล้านบาทในเดือนมิ.ย. 60 ซึ่งบริษัทตัดสินใจที่จะไม่ออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม แต่จะหันไปใช้เงินกู้จากสถาบันทางการเงิน จำนนวน 600 ล้านบาทแทน เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 2.38% ต่อปี ขณะที่ารออกหุ้นกู้มีต้นทุนดอกเบี้ยที่ 2.4% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ