นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเงียบ ๆ เนื่องจากไม่มีทั้งสัญญาณดี และไม่ดี แต่ตลาดช่วงนี้จะพูดกันเรื่องเงินบาทแข็งค่า ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าไป 1.8% แล้ว ดังนั้นจึงมองว่ามีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงได้แล้ว เพราะการแข็งค่าของเงินบาทที่ผ่านมาก็ถือว่านักลงทุนสามารถทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้มากแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะ take profit จึงมีสูงมาก ซึ่งการแข็งค่าเงินของเงินบาที่ผ่านมาก็เป็นไปตามกฎอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตามแม้เงินบาทแข็งค่าจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามา แต่ส่วนใหญ่เข้ามาในตลาดตราสารหนี้ ไม่ได้เข้าตลาดหุ้นเลย ทำให้สภาพตลาดฯจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา ดังนั้นในทางกลยุทธ์จึงแนะนำเล่นหุ้นบิ๊กแคปที่ Valuation ไม่แพง อย่างหุ้น SCB, PTT เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามปัจจัยนอกประเทศในตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงกลางมิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,561-1,570 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (29 พ.ค.60) เนื่องในวัน Memorial day
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 1.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.50 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขนมจ้าง (Tuen Ng Festival)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ค.60) 1,568.17 จุด ลดลง 1.10 จุด (-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 422.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ค.60
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (29 พ.ค.60) เนื่องในวัน Memorial day
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ค.60) ที่ 6.39 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.13/14 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งจากคาดการณ์เฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในมิ.ย.
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มกังวลใจกับค่าเงินบาทที่ได้แข็งค่าอย่างรวดเร็ว หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตั้งแต่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา จนขณะนี้เงินบาทแข็งค่าสูงที่สุดในภูมิภาค และหลุดกรอบ 34 บาท/เหรียญสหรัฐ ขึ้นไปอยู่ที่ 33.90 บาท/เหรียญสหรัฐ ในบางช่วงของการซื้อขายเมื่อวานนี้
- บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เตรียมเสนอแผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง เฟส 3 วงเงินลงทุน 3.2 หมื่นล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) AOT อนุมัติเดือน พ.ย.2560 ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
- ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือน เม.ย.60 ขยายตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายในภาคเอกชนที่มีสัญญาณปรับตัว ในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่เติบโต 16.3% ตามอานิสงส์การเติบโตของรายได้ภาคการ เกษตรแท้จริงที่ระดับ 30.6% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจจากผู้บริโภคปรับตัวสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ระดับ 65.4% ขณะมูลค่าส่งออกและนำเข้าอยู่ที่ 16.9 พันล้านเหรียญ และ 16.8 พันล้านเหรียญ ตามลำดับ ส่งผลให้ประเทศเกินดุลการค้าแค่ 0.06 พันล้านเหรียญ คาดไตรมาส 2 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวไม่ต่ำกว่าไตรมาสแรกปีนี้
- ผู้อำนวยการ สศค.เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างกฎหมายการจัดเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐ เบื้องต้นมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีในอัตราไม่เกิน 5% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากที่รัฐมีโครงการลงทุนในพื้นที่ใกล้เคียง และจะเก็บภาษีต่อเมื่อมีการซื้อขาย เปลี่ยนมือ หรือลงทุนเพิ่มเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 47.5 บาท ผู้โดยสารเดือน เม.ย.ยังขยายตัวได้ดี +8.8% y-y, คาดกำไรทั้งปีขยายตัว 14% ปีนี้ ขณะที่ momentum ราคาหุ้นแข็งแกร่งทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 43 บาท ทะลุไปได้มีเป้าหมายถัดไป 43.75 บาท
- RATCH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 61 บาท ยังไม่นับรวมโครงการที่จะ COD ในปี 2562 เป็นต้นไปอีก 4 บาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการเติบโตจากการลงทุนในต่างประเทศผ่านทาง Equity Sharing, ความผันผวนของหุ้นต่ำ มีค่า Beta 0.50x และ Dividend Yield อยู่ในระดับ 4-5% เหมาะสำหรับนักลงทุนในระยะกลาง-ยาวที่ต้องการหุ้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีความผันผวนต่ำ และมีเงินปันผล แนวโน้มไตรมาส 2 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี คาดว่าบริษัทจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนได้ ตั้งเป้าโตขายการลงทุนไปยังต่างประเทศและจำนวนกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 7,000 MW ด้วยเงินลงทุนราว 3 แสนล้านบาท
- MGT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 3.30 บาท จาก 2.70 บาท จากการปรับกำไรปี 2560-2561 ขึ้น 10%-14% เป็นเติบโต 84% Y-Y ในปีนี้และ 20% Y-Y ในปีหน้า หลังจากบริษัทเพิ่มทีมขายและเพิ่มสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง MGT เป็น Growth stock ที่ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจต่ำ ฐานะการเงินแกร่ง
- FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท ทิศทางผลประกอบการยังแข็งแกร่งจากการขยายจำนวนตู้เติมเงินในระดับ 29,000 ตู้/ปี ความนิยมในการเติมเงินผ่านตู้ และบริการใหม่ ๆ ผ่านตู้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทิ้งห่างคู่แข่ง กำไร 1Q60 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปี โดยยังคาดกำไรปีนี้ +35% Y-Y ปีหน้า +27% Y-Y