บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กลับมายื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกครั้งหลังจากที่ได้ถอนไฟลิ่งออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยบริษัทยังคงมีแผนจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มี บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ขยายธุรกิจของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้ 1.กลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) เช่น งาน Bangkok International Motor Show และงาน Bangkok Used Car Show รวมถึง ธุรกิจการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ทั้งของบริษัทเอง และลูกค้า ซึ่งบริษัทมีผลงานการจัดกิจกรรมให้กับยานยนต์ชั้นนำเกือบทุกค่าย เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู เชฟโรเลต ฮอนด้า และโตโยต้า เป็นต้น
2.กลุ่มธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ เป็นธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ และธุรกิจสื่อรูปแบบใหม่ในรูปแบบดิจิตอล และ 3.กลุ่มธุรกิจรับจ้างพิมพ์
ณ วันที่ 27 เม.ย.60 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและชำระแล้ว 250,000,000 บาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 500,000,000 หุ้น และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 600,000,000 หุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 3 พ.ค.59 คือ กลุ่มเอี่ยมลำเนา ถือหุ้น 448,828,850 หุ้น คิดเป็น 89.77% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 74.80% ทั้งนี้ ภายในกลุ่มเอี่ยมลำเนา มีนายปราจิน เอี่ยมลำเนา ซึ่งถือหุ้น 300,832,000 หุ้น คิดเป็น 60.17% จะลดสัดส่วนถือหุ้นลงเหลือ 50.14%
ทั้งนี้ ในวันแรกที่หุ้น IPO ของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายใน SET นายปราจิน จะขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวนรวมกันไม่เกิน 70,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 11.67% ของทุนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน ด้วยวิธีการซื้อขายรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเท่ากับราคาเสนอขายหุ้น IPO และภายหลังการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้นายปราจิน ถือหุ้นลดลงเหลือ 230,832,000 หุ้น คิดเป็น 38.47%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค.60 มีสินทรัพย์รวม 876.72 ล้านบาท หนี้สินรวม 385.91 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 490.81 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้จากการขาย 301.49 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 94.51 ล้านบาท จากไตรมาส 1/58 ที่บริษัทมีรายได้ 348.95 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 126.09 ล้านบาท
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหักสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี