ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีทั้งหุ้นที่เป็นบวกจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐฯ ออกมาดี และหุ้นที่เป็นลบจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลงมาปิด 49.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อน การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ของ Goldman Sachs ปีนี้ จาก 56.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 55.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มีส่วนต่อการกดดันตลาดหุ้นด้วย
ด้านตลาดหุ้นยุโรป มีประเด็นการเมืองทั้งอิตาลีที่จะเลือกตั้งเร็วขึ้น และอังกฤษ ผลสำรวจ YouGov 26 พ.ค. คะแนนนิยมของพรรอนุรักษ์นิยม เพิ่มช่วงห่างจากพรรคแรงงานจาก 5% เป็น 7% และความกังวลต่อการชำระหนี้ของกรีซงวดต่อไป นอกจากนี้ สหรัฐฯ-จีน อาจมีการพิจารณาหามาตรการใหม่ ๆ เพื่อ Sanction เกาหลีเหนือ เพิ่มระดับความเสี่ยงของตลาดให้มากขึ้น โดยรวมประเมินปัจจัยต่างประเทศหลายตัวยังคงสร้างความคลุมเครือให้กับตลาด ทั้งในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการเมืองของสหรัฐฯ-ยุโรป ส่งผลให้มีการชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยง และเป็นตัวถ่วงตลาดหุ้นไทยไปด้วย
ส่วนปัจจัยในประเทศ ข่าวในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ คือ อนุมัติให้เอกชนทำสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง และนำ 2 โครงการคมนาคมเข้า ระดมทุนผ่าน Thailand Future Fund มูลค่า 4.48 หมื่นล้านบาท ทำให้มองเป็นบวกต่อตลาดที่ได้เห็นความคืบหน้าของโครงการภาครัฐฯและการระดมทุน เพื่อที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจในลำดับต่อไป ขณะที่นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็มีความคืบหน้าไปมาก จากนี้คงต้องรอผลของการเดินหน้าของโครงการเหล่านี้ ที่น่าจะเริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ขณะที่สถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องและภาวะน้ำท่วม ยังเป็นประเด็นที่ตลาดกำลังจับตาดู ว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ทางการเกษตรหรือไม่
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ KTBST มองว่า แม้ตลาดไทยเองจะเริ่มมีสัญญาณในทางบวกเข้ามาบ้าง แต่ปัจจัยในต่างประเทศ กลับทำให้ตลาดดูคลุมเครือ และนักลงทุนเข้ามาเพียงเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ ทำให้วันนี้คาดการณ์ทิศทางดัชนีฯว่าจะเคลื่อนไหวทรงตัว และมีโอกาสที่จะปิดลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย ตัวแปรที่ควรติดตามในระหว่างวัน จะเป็นรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
"ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน นักลงทุนอาจเลือกที่จะลดพอร์ตลงเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงนี้ หรือเลือกเข้าลงทุนในหุ้นที่มีความเป็น Defensive ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยให้เน้นลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆไปก่อน สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น AOT , BJC , PSH , TICON , MACO"นายมงคล กล่าว