นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมาย EBITDA ปีนี้เติบโต 20% จากระดับ 1.11 หมื่นล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/60 สามารถทำ EBITDA ได้แล้ว 4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของเป้าหมาย EBITDA ทั้งปีนี้
ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าปีก่อน หลังจากในช่วงไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมามีค่าการกลั่น 7.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากปรับมาใช้น้ำมันดิบเบรนท์ และ Shale Oil ซึ่งเป็นคุณภาพสูงแต่มีราคาต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวลดลง อีกทั้งการติดตั้งหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำเทคโนโลยีใหม่แบบ Cogeneration หน่วยที่ 3 ขนาดประมาณ 12 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จก็จะทำให้ลดต้นทุนการผลิตค่าไฟฟ้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ามีปริมาณการกลั่นน้ำมันในปี 63 เพิ่มขึ้นเป็น 1.3-1.4 แสนบาร์เรล/วัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะกลั่นน้ำมันอยู่ระดับ 1.11 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ย 1.01 แสนบาร์เรล/วันในปีก่อน เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่มีการปิดปรับปรุงโรงกลั่น พร้อมกันนี้เตรียมที่จะติดตั้งหน่วยเพิ่มออกเทนเทคโนโลยีใหม่แบบ Continuous Catalyst Regeneration (CCR) ซึ่งเป็นหน่วยที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันใส เข้ามาและจะช่วยยืดระยะเวลาในการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นออกไปเป็นทุก 36 เดือน จากเดิมจะต้องปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นทุก 24 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงปี 62 ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นได้ 1-2 พันล้านบาท/ปี
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเติมอีก 300 แห่ง ในระยะเวลา 3-4 ปี จากปัจจุบันมี 1,075 แห่ง ซึ่งในปีนี้จะเริ่มหันมาเปิดสถานีบริการในบริเวณที่มีความต้องการสูง และมีการเติบโตที่ดี โดยจะเริ่มขยายสาขาในหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัดมากขึ้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งจะเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในกลุ่มพลังงานทางเลือก โดยคาดว่าการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/60 และคาดว่าจะสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 61
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเข้าถือหุ้นเพิ่มใน Lithium Americas Corp. (LAC) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ลิเทียม ในอาร์เจนตินา โดยจะถือเพิ่มเป็น 16.4% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 6.7% ซึ่งจะมีความชัดเจนใน 1-2 เดือนข้างหน้า