โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เล็งกำไรปกติปีนี้ฟื้นตัวโดดเด่น จากธุรกิจโรงกลั่นที่คาดว่าค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้น และยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นด้วย ขณะเดียวกันธุรกิจอะโรเมติกส์ก็ดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ดีขึ้น เป็นผลจากภาวะอุปทานตึงตัว รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าที่สร้างรายได้และกำไรแก่ TOP เพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 ของ TOP ที่ออกมาก็ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดไว้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรสุทธิปีนี้ของ TOP คาดว่าจะอยู่ในช่วง 17,969-18,978 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 21,222 ล้านบาทในปี 59 เพราะปีที่แล้วมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน (Stock gain) จำนวนมาก ขณะที่ปีนี้ TOP จะมีภาษีจ่ายเพิ่มขึ้นหลังบางหน่วยธุรกิจหมดการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ
นอกจากนี้ การที่ TOP มีเงินสดในมือสูงถึง 60,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถรองรับการจ่ายเงินปันผลได้อย่างไม่มีปัญหา โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend yield) ของ TOP จะอยู่ที่ราว 5.6% ขณะที่ราคาหุ้น TOP บนกระดานก็นับว่ายังมี Upside เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย
หุ้น TOP พักเที่ยงอยู่ที่ 77.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+0.65%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.2%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ไอร่า ซื้อ 96.00 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 92.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 81.00 ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ซื้อ 87.00
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่ากำไรปกติของ TOP ในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากค่าการกลั่นฟื้นตัวและธุรกิจอะโรเมติกส์ดีขึ้น โดยเฉพาะมาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ดี รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าก็ให้รายได้และกำไรแก่ TOP ได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ หลังโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) 2 โรงที่เปิดดำเนินการในปีที่แล้วก็จะรับรู้รายได้เต็มปี ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 ของ TOP ที่ทำกำไรสุทธิได้ 7,074 ล้านบาท ก็นับว่าออกมาก็ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดไว้
ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/60 ก็มองว่าน่าจะทรงตัวในระดับสูงได้ เพราะส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ (Crack Spread) ของน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิของ TOP ปีนี้ ประมาณการไว้ที่ 18,221 ล้านบาท ลดลงจากระดับ 21,222 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากปีนี้ TOP จะมีภาษีจ่ายเพิ่มขึ้นหลังบางหน่วยธุรกิจหมดการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
ด้านราคาหุ้น TOP บนกระดานในปัจจุบันนับว่ายังถูกอยู่เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย ทำให้ยังน่าสนใจในการลงทุน
ด้านนายศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า กำไรปกติที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของ TOP ในปีนี้ หลัก ๆ มาจากธุรกิจโรงกลั่นที่สร้างรายได้หลักราว 70-80% นั้น จะมีค่าการกลั่นดีขึ้น และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำให้ได้มาร์จิ้นดีขึ้นด้วย และในไตรมาส 2/60 ค่าการกลั่นก็ยังแกว่งตัวบริเวณ 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือว่ายืนอยู่ในระดับที่ดี ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ตอนนี้ก็ทรง ๆ ตัว แม้ว่าไตรมาส 1/60 จะดีขึ้น แต่ไตรมาส 2/60 คาดว่าจะกลับมาอ่อนลง
สำหรับกำไรสุทธิของ TOP ในปีนี้ ประมาณการไว้ที่ 18,978 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรจาก Stock gain จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การที่ TOP มีเงินสดในมือสูงถึง 60,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถรองรับการจ่ายเงินปันผลได้สบาย ๆ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend yield) จะอยู่ที่ระดับ 5.6%
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ราคาหุ้น TOP มีโอกาสปรับขึ้น จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 อาจจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้อาจเกิดผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน และส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยสเปรดเบนซีน ปรับลดลงแรง เป็นผลจากอุปทานที่กลับเข้ามาสู่ตลาดหลังโรงงานผลิตเบนซีน รายใหญ่ในสหรัฐกลับมาผลิตได้อีกครั้ง
แต่ค่าการกลั่นสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงรอมฎอน (25 พ.ค.-25 มิ.ย.60) เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล บวกกับการหยุดซ่อมจำนวนมากของโรงกลั่นในเอเชีย โดยค่าการกลั่นที่ดีขึ้น จะช่วยพยุงกำไรไตรมาส 2/60 ทำให้ลดลงไม่มากนัก ขณะที่ยังประมาณการกำไรของ TOP ในปีนี้ที่ระดับ 17,969 ล้านบาท