บลจ.ธนชาต คาด SET ปีนี้แกว่งกรอบแคบ-ดอกเบี้ยในปท.ยังทรงตัว แนะลงทุนกองหุ้นผันผวนต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 1, 2017 13:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า การลงทุนหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าหุ้นจะแกว่งในกรอบแคบๆ ช่วงประมาณ 1,500-1,600 จุด และซื้อขายกันที่ที่ P/E ประมาณ 14.5-15.5 เท่า เพราะอัตราการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมายังไม่ค่อยสูงนัก

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากตัวเลขการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐน่าจะมีนโยบายอื่นออกมาเรื่อยๆ รายได้ภาคการเกษตรก็ดูจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นการปรับลดประมาณการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะสิ้นสุดแล้ว

และเมื่อพิจารณาปัจจัยต่างประเทศ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกประมาณ 2 ครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจที่วางไว้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับอ่อนค่าลงจากที่เมื่อต้นปีหลายฝ่ายคาดว่าจะแข็งค่าขึ้น ทำให้นักลงทุนคาดหวังต่อนโยบายของรัฐบาลสหรัฐลดลง จนกระแสเงินเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐเข้ามาที่ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) มากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทย

คำแนะนำสำหรับลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือกองทุนตราสารหนี้ แต่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงๆ ได้ ควรกระจายการลงทุนในกองทุนหุ้นผันผวนต่ำให้มากขึ้น เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำและคาดว่าจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่มีปัจจัยใหญ่ๆ เข้ามากระทบทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคงอยู่ระดับต่ำอย่างนี้ต่อไป

และพบว่าผู้ลงทุนตราสารหนี้กลับต้องรับความผันผวนมากขึ้น เพราะราคาพันธบัตรไทยมีความผันผวนมากขึ้นตามราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ดังนั้น การกระจายลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำบ้างจะทำให้พอร์ตลงทุนได้รับผลกระทบน้อยลงในอนาคต โดยลักษณะเฉพาะของกองทุนประเภทผันผวนต่ำ (Low Beta Fund) ส่วนมากจะลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค (Utility) อยู่แล้ว และในปัจจุบันก็ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น

ด้วยตลอด 5 ปีกว่าที่ผ่านมา จากหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกหุ้นที่ลงทุน และการมีวินัยของการลงทุน เป็นสิ่งพิสูจน์ว่า กองทุนหุ้นในกลุ่ม Low Beta สามารถทำผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเทียบกับ SET Index เห็นได้จากผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนของกองทุน T-PrimeLowBeta (2 ก.พ.59-29 พ.ค. 60) อยู่ที่ 11.26% ต่อปี ส่วน SET Index 18% และกองทุน T-LowBeta (29 มี.ค.55-29 พ.ค.60) สามารถสร้างผลตอบแทนให้อยู่ในระดับดีได้อย่างต่อเนื่องทำผลงานอยู่ที่ 14.87% ต่อปี เมื่อเทียบกับ SET Index 5% ต่อปี ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

และที่สำคัญทั้ง 2 กองทุนข้างต้นมีนโยบายรับซื้อหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redeem) ปีละประมาณ 2 ครั้ง โดยปัจจุบันตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นปลายเดือน พ.ค.และเดือน พ.ย.ของทุกปี

สำหรับกองทุนเปิดธนชาต Prime Low Beta (T-PrimeLowbeta) ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 3 ประจำงวด 6 เดือน ในวันที่ 30 พ.ค.60 ในอัตรา 0.55 บาทต่อหน่วยลงทุนโดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 2 มิ.ย.60 กรณีผู้ถือหน่วยมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารธนชาต

ขณะที่กองทุนเปิดธนชาต Low Beta (T-Lowbeta) มีมติให้ทำการรับซื้อคือหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ครั้งที่ 8 ประจำงวด 6 เดือน ในวันที่ 31 พ.ค.60โดยจ่ายผลตอบแทนในอัตรา 0.55 บาทต่อหน่วยลงทุนโดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 5 มิ.ย.60 กรณีมีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ธนชาต


แท็ก หุ้นไทย   ว่าน   SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ