นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ ในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่เข่ามา โดยวันนี้ต้องจับตาธปท.จะแถลงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินเพื่ออำนวยความสะดวกภาคเอกชนในการทำธุรกิจ แต่คาดว่าจะไม่มีมาตรการที่รุนแรงออกมา
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงเมื่อวันศุกร์ จากความกังวลว่าการที่สหรัฐถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ จะส่งผลให้สหรัฐขุดเจาะและผลิตน้ำมันมากขึ้นนั้น น่าจะยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาด อย่างไรก็ตามตลาดยังมีปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ได้สะท้อนต่อ fund flow ไหลเข้าอย่างจริงจังก็ตาม แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้นที่ให้นักลงทุนบางส่วนกล้าที่จะเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น นอกจากนี้การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) รัฐบาลสหรัฐ หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ออกมาน่าผิดหวัง ทำให้เป็นประเด็นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งหรือไม่ในปีนี้ ส่งผลให้มีการเก็งกำไรหุ้นปันผลเข้ามาบ้าง
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังรอปัจจัยจากต่างประเทศในวันที่ 8 มิ.ย. ที่จะมีการเลือกตั้งในอังกฤษ ,การประชุม ECB รวมถึงการที่นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI จะออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และรัสเซีย เป็นครั้งแรก
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,565 และ 1,560 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,570 และ 1,575 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,206.29 จุด เพิ่มขึ้น 62.11 จุด(+0.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,305.80 จุด เพิ่มขึ้น 58.97 จุด (+0.94%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,439.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.01 จุด (+0.37%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 41.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 52.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 46.96 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 มิ.ย.60) 1,567.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด (+0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,235.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 มิ.ย.60) ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 มิ.ย.60) ที่ 6.18 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.04 ตลาดจับตาธปท.แถลงปฏิรูปเกณฑ์แลกเปลี่ยนเงิน มองกรอบวันนี้ 34-34.15
- จับตาแบงก์ชาติแถลงวันนี้ ปรับเกณฑ์คุมแลกเปลี่ยนเงิน เอื้อทำธุรกิจคล่องตัว ชี้หากมีมาตรการคุมเงินไหลเข้า อาจกดดันบาทอ่อนค่าเพิ่ม ด้านสมาคมตราสารหนี้ไทย เผยต่างชาติเพิ่มน้ำหนักบอนด์ไทย หลังเศรษฐกิจฟื้นชัด ส่งผลเงินไหลเข้าต่อเนื่อง ชี้ 5 เดือนซื้อสุทธิ เฉียด 1 แสนล้านบาท ดันสัดส่วนต่างชาติถือเพิ่ม เป็น 13% ย้ำส่วนใหญ่เป็นเงินระยะยาว ไร้แรงเก็งกำไร
- เครดิตบูโรเผยแบงก์ยังเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อใหม่ พร้อมตรวจเช็คข้อมูลลูกค้าเก่าเพิ่มขึ้น ตรวจถี่ยิบทุกเดือน ห่วงก่อหนี้เพิ่มกระทบการชำระคืน หลังเอ็นพีแอลทั้งระบบยังสูง ขณะที่มีกลุ่มค้างชำระ แต่ยังไม่เป็นหนี้เสียเพิ่ม ชี้กลุ่มเจนวายน่าห่วง คาดรัฐเตรียมมาตรการเพิ่มหลังออกคลินิกแก้หนี้
- "สุวิทย์" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลเตรียมปรับการบริหารภูมิภาค จาก 4 ภาค เป็น 6 ภาค เพิ่มภาค "อีอีซี -5 จังหวัดชายแดนใต้" หวังดันศักยภาพเจราจาเพื่อนบ้าน วางแผนพัฒนาลงลึกระดับอำเภอ เล็งตั้งรองปลัด 6 คน ดูแลแต่ละภาค หารือที่ประชุม 9 มิ.ย.นี้ ด้านหอการค้าระดมสมองประชารัฐภาคตะวันออก วางแผนพัฒนาเมืองพัทยาใหม่ รองรับอีอีซี
- "ซูเปอร์บอร์ด" ลงพื้นที่เร่งติดตามความคืบหน้า ก่อสร้างรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทราคลองสิบเก้า-แก่งคอย พบแผนการสร้างสัญญา 2 ช่วงอุโมงค์ลอดเขาพระพุทธฉายล่าช้ากว่าแผน พบติดปัญหาเข้าพื้นที่
- ผู้จัดการ ตลาดเอ็มเอไอมีแผนหารือกับนักธุรกิจที่เป็นทายาทเจ้าของกิจการ หรือทายาทเจ้าสัวทั่วประเทศ เช่น โครงการทายาทนักธุรกิจของส.อ.ท. และกลุ่มที่อยู่ในโครงการวายอีซีของหอการค้าไทย และอื่นๆเพื่อจัดทำแผนส่งเสริมผลักดันให้ธุรกิจที่บริหารงานโดยทายาทส่วนใหญ่ที่เป็นธุรกิจครัวเรือนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ หรือส่งเสริมการใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายในการระดมทุนขยายกิจการ โดยคนกลุ่มนี้มีความรู้ทั้งด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีและการสร้างเครือข่ายกับธุรกิจอื่นๆที่สำคัญ ส่วนใหญ่สนใจที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าด้านธรรมาภิบาล รวมถึงสามารถหาช่องทางในการระดมทุนเพิ่มขึ้นด้วย
- "สมคิด" นำทีมเศรษฐกิจเยือนญี่ปุ่น หารือกระชับความร่วมมือ 8 ด้าน ครอบคลุม อีอีซี ระบบราง ทรัพยากรบุคคล เอสเอ็มอี พร้อมริเริ่มแผนพัฒนามาสเตอร์แพลน ซีแอลเอ็มวีที
- แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 พร้อมเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ซึ่งมีกำหนดที่ สนช.พิจารณาวาระที่ 1 รับร่างกฎหมายวันที่ 8 มิ.ย. จากนั้นจะพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 31 ส.ค. โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2561 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวันที่ 7 ก.ย. มีผลในวันเริ่มปีงบประมาณใหม่ วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
- AS-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (AS) เทรดวันนี้วันแรกใน SET มีจำนวน 102,468,974 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อายุ 3 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (15 พ.ค.60) มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 ธ.ค.60 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 14 พ.ค.63
- PIMO-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) เข้าซื้อขายวันนี้วันแรกใน mai โดยมีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 103,999,978 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อายุ 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (16 พ.ค.60) มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 1.20 บาท กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ธ.ค.60 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 พ.ค.63
- PTG (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 28 บาท คาดตลาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไร PTG ตั้งแต่ 2Q60 เป็นต้นไป (ฟื้นตัวเทียบ QoQ) โดยเหตุผลหลักจะมาจากค่าการตลาดที่เริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน (ซึ่งมีปริมาณขายสูงกว่าเดือนพฤษภาคม) ซึ่งคาดจะทรงตัวในระดับนี้ได้ตลอดทั้งปี ขณะที่ทิศทางของราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันมีความผันผวนลดลง โดยกรอบการปรับตัวสูงขึ้นถูกจำกัดด้วยปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ขณะที่กรอบการปรับตัวลงก็ถูกจำกัดโดยการลดปริมาณการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ค่าการตลาดจะไม่เกิดความผันผวนดังเช่นที่เกิดขึ้นใน 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 834 ล้านบาท (-22.3% YoY) โดยมองการฟื้นตัวของค่าการตลาดเป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว ขณะที่กำไรที่หดตัวลงมากใน 1Q60 จะกดดันให้กำไรทั้งปีไม่สามารถแสดงการเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2559 ได้
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 24 บาท โดยมองตลาดกังวลกับราคาถ่านหินมากเกินไป ราคาปัจจุบันยังอยู่ในสมมติฐานของที่ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน และถือว่า downside ต่ำเพราะอยู่ในช่วงราคา 500-570 หยวน/ตันตามนโยบายที่จีนต้องการให้มีเสถียรภาพในระดับนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการยังแกร่ง คาดกำไรปีนี้ turnaround +226% Y-Y P/E ปัจจุบันที่ 8.5 เท่าและ P/BV 1 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและในภูมิภาค
-