หุ้น PTTEP ช่วงบ่ายพลิกมาลบ 1.67% มาที่ 88.50 บาท หรือลดลง 1.50 บาท หลังจากพักเที่ยงราคาหุ้นปรับขึ้น 0.28% โดยเมื่อเวลา 14.38 น. มีมูลค่าซื้อขาย 720.19 ล้านบาท ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 90 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงสุดที่ 90.75 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 88.25 บาท
เมื่อช่วงบ่าย บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แจ้งว่าบริษัทได้หยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในโครงการ S1 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด กรณีดังกล่าวกระทบต่อปริมาณขายน้ำมันดิบลดลงประมาณ 15,000 บาร์เรล/วัน
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.60 ให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่องการให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น กรมเชื้อเพลิงฯจึงแจ้งให้ผู้รับสัมปทานบนบกทุกรายหยุดกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมที่มีการดำเนินการอยู่ในพื้นที่ส.ป.ก.เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ บริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้ดำเนินงาน จึงได้หยุดการผลิตโครงการ S1 เฉพาะในพื้นที่ส.ป.ก. ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.60 โดยที่การดำเนินการของปตท.สผ.สยาม เป็นไปอย่างถูกต้อง โดยบริษัท ไทยเชลล์ เอ็กซ์พลอเรชั่น แอนด์ โปรดักชั่น จำกัด (ไทยเชลล์) ผู้รับสัมปทานเดิม ได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ และต่อมาในปี 36 ได้มีการออกประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินทับซ้อนพื้นที่ที่ผู้รับสัมปทานเดิมเข้าไปใช้ประโยชน์ในปี 43 บริษัท ไทยเชลล์ ได้ดำเนินการยื่นขออนุญาตใช้ที่ดินในเขตส.ป.ก. พร้อมยื่นคำขอรับคำยินยอมให้ใช้พื้นที่ดินในเขตส.ป.ก.ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม เมื่อ PTTEP ได้เข้าซื้อกิจการโครงการและเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ปี 47 จึงได้ดำเนินการเข้าใช้ประโยชน์ตามที่บริษัท ไทยเชลล์ได้รับอนุญาต รวมถึงได้ขออนุญาตการเข้าใช้ประโยชน์ตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง โครงการ S1 ตั้งอยู่ในพื้นที่จ.สุโขทัย ,พิษณุโลก และกำแพงเพชร โดย PTTEP และ ปตท.สผ.สยาม ถือสัดส่วนโครงการ S1 จำนวน 100% มีปริมาณขายน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 59 ที่ 27,351 บาร์เรล/วัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ประมาณ 264 ตัน/วัน และก๊าซธรรมชาติประมาณ 21 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
ทั้งนี้ การหยุดการผลิตโครงการ S1 ในพื้นที่ส.ป.ก. จะส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำมันดิบลดลงประมาณ 15,000 บาร์เรล/วัน LPG ลดลงประมาณ 130 ตัน/วัน และก๊าซธรรมชาติ ลดลงประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน อย่างไรก็ดี กรมเชื้อเพลิงฯอยู่ระหว่างการรวบรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้รับสัมปทานบนบกรายอื่น เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป