นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากมีความผ่อนคลายสถานการณ์ในตะวันออกกลางหลังจากคูเวตเข้ามาเป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งระหว่างกาตาร์และกลุ่มประเทศอาหรับ
แต่ตลาดบ้านเราก็คงจะขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะยังมีโมเมนตัมเงียบ ซึ่งตลาดตอนนี้ underperform กว่าตลาดเพื่อนบ้าน อาจเป็นผลจากที่เศรษฐกิจนิ่งและแผ่วไปบ้าง ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ความน่าสนใจจึงสู้เพื่อนบ้านไม่ได้
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการเลือกตั้งของอังกฤษในวันพรุ่งนี้ (8 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่านางเทเรซา เมย์ น่าจะชนะการเลือกตั้ง และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน แม้คาดว่าคงไม่มีเรื่อง Surprise เพราะเศรษฐกิจยุโรปกำลังฟื้นตัว
พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,136.23 จุด ลดลง 47.81 จุด (-0.23%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,275.06 จุด ลดลง 20.63 จุด (-0.33%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,429.33 จุด ลดลง 6.77 จุด (-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.33 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 มิ.ย.60) 1,568.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 61.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 มิ.ย.60) ปิดที่ 48.19 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 มิ.ย.60) ที่ 6.24 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.98 แนวโน้มแข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากความกังวลการเมืองในสหรัฐฯ
- ส.อ.ท.เตรียมหารือ"แบงก์ชาติ"ใช้มาตรการภาษีสกัดเงินไหลเข้า-ออกระยะสั้น ป้องค่าเงินผันผวน ขณะ กกร.ลุยหามาตรการหนุน"เอสเอ็มอี"ป้องเสี่ยงค่าเงินหลังพบมีการทำเฮดจิ้งเพียง 10-20% มองแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังดีขึ้นห่วงเลือกตั้ง เยอรมัน-อังกฤษ สั่งตั้งทีมเกาะติดผลกระทบ ด้าน กรุงศรีฯ มองเงินบาทระยะสั้นแข็งแตะ 33.25 บาทต่อดอลลาร์
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อออกคำสั่งแก้ไขปัญหาให้โครงการรถไฟไทย-จีนเดินหน้าเร็วขึ้น และจะนำไปหารือกับจีนในการประชุมระดับผู้นำในกลุ่ม BRIC ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ที่ประเทศจีนในเดือน ก.ย.นี้
- ประธานสภาหอการค้าไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็วตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. จนถึงขณะนี้มีผลกระทบต่อการแข่งขันด้านการส่งออกของไทย โดยเฉพาะต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รฟม. มีมติเห็นชอบว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 2,617 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท เอ็มเอชพีเอ็ม ที่ปรึกษากำกับการดำเนินงานโครงการวงเงิน 458 ล้านบาท
- ครม.อนุมัติ กทพ.เดินหน้าระดมทุนสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก 3.1 หมื่นล้าน แก้ปัญหาจราจร ช่วยระบายรถลงภาคใต้ หนุนโครงข่ายไปฐานผลิตและท่องเที่ยว ยันก่อสร้าง ก.ค. เปิดใช้ปี 64 ด้าน รฟม.ไฟเขียวจ้างที่ปรึกษารถไฟฟ้าสีส้ม แจงคืบหน้าสายสีม่วง-น้ำเงิน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TFG-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน510,805,451 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 9.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ธ.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 18 พ.ค. 2563
- UNIQ (ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมาย 25.70 บาท ภาพรวมได้รับประโยชน์ตามกลุ่มรับเหมาฯจากโครงการรถไฟทางคู่ที่คาดทยอยเปิดประมูล 5 โครงการ พร้อมคาด UNIQ ยังโตต่อเนื่องในปี 60 ภายใต้ Backlog ล่าสุด 30,000 (หลังหักรายได้ 1Q/60) รองรับอีกกว่า 2 ปีข้างหน้า ขณะที่เป็น 1 ใน 4 ผู้รับเหมารายใหญ่ที่ได้รับประโยชน์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ภาครัฐที่ทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องหลังจากนี้ และคาดมีโอกาสได้งานเพิ่ม คาดสามารถชดเชย Backlog เดิมที่ลดลงตามความคืบหน้างานก่อสร้าง
- TPCH (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 22 บาท กำไร 3 ปีข้างหน้ายังโตสูงเฉลี่ย 49% และมี upside หากชนะประมูลโครงการใหม่ๆ ในอนาคต แต่ปรับประมาณการกำไรปี 60 ลง 8% เป็น +65% Y-Y จากการเลื่อน COD โรงไฟฟ้าพัทลุงกรีนพาวเวอร์ (9.2 MW, TPCH ถือหุ้น 60%) ออกไป 2-3 เดือนเป็นปลาย 2Q60 เพราะใช้เวลาทำ Trail run เพิ่มขึ้นตามข้อกำหนดใหม่ของภาครัฐ และปรับกำไรปี 61 ลง 20% เป็น +47% Y-Y จากการเลื่อน COD โรงไฟฟ้าปัตตานีเฟส 1 (21 MW, TPCH ถือ 65%) จาก 3Q61 เป็น 1Q62 เพราะอยู่ระหว่างขอ PPA
- SEAFCO (ธนชาต) แนะนำ"ซื้อ"รับผลดีเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 3 เส้นทางปลายปีนี้ และโครงการภาคเอกชนอย่าง One Bangkok