น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า รายได้ของธนาคารในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.-พ.ค.) มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกฟื้นตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยจากภาคการส่งออกที่ดีขึ้น หลังจากภาวะเศรษฐกิจของจีนและยุโรปเริ่มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มรายได้มีโอกาสกลับมาเติบโต ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสเห็นสัญญาณชัดเจนมากขึ้น เพราะมีปัจจัยกระตุ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของภาครัฐที่จะออกมาในครึ่งปีหลังของปีนี้
อีกทั้งในแง่ของปริมาณการทำธุรกรรมของลูกค้าผ่านธนาคารมีการใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะบริการโอนเงิน (Money Transfer) ที่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาปริมาณการทำธุรกรรมเติบโตในระดับสูงถึง 70-80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำให้ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตขึ้นด้วย และเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้รวมของธนาคาร
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และเป้าหมายต่างๆ โดยยังคงเป้าสินเชื่อรวมเติบโต 4-6% โดยเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการลงทุนของภาครัฐที่มากขึ้นและจะทำให้ภาคเอกชนเริ่มลงทุน ซึ่งส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับ การเติบโตของธนาคารยังเป็นไปตามภาครวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ขณะที่แนวโน้มการตั้งสำรองในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารคาดว่าจะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพราะธนาคารยังมีการควบคุมระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั้งปี 60 ยังมั่นใจว่าระดับ NPL จะอยู่ในระดับที่ 3.3-3.4% ตามเป้าหมาย โดยในช่วงครึ่งปีแรก NPL น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 ที่ 3.31%