บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น (BCP) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อขยายการส่งเสริมเกษตรกรไทยก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งครอบคลุมเรื่องการสนับสนุนให้เกษตรกรทั้งที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร (สกก.) และสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ได้เป็นเจ้าของกิจการเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการนำผลผลิตทางการเกษตรขยายสู่ตลาดโลก โดยผ่านช่องทางร้าน SPAR ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ BCP
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ BCP กล่าวว่า ที่ผ่านมาบางจากฯได้ให้การสนับสนุนเกษตรกรเป็นเจ้าของกิจการสถานีบริการชุมชนบางจาก จนปัจจุบันมีอยู่กว่า 600 แห่ง รวมทั้งได้สร้างช่องทางการตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ด้วยการนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้าที่เติมน้ำมันบางจากทั้งหมดนี้ได้ช่วยเสริมการเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการ รองรับผลผลิตทางการเกษตรและสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน
ความร่วมมือกับธ.ก.ส.ในครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรทั้งที่เป็นสมาชิกสกก. และสกต. ให้เป็นเจ้าของกิจการเพิ่มมากขึ้น โดยธ.ก.ส.สนับสนุนสินเชื่อให้กับสมาชิกสกก. และสกต. เพื่อลงทุนด้านสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจ non-oil ในที่ดินของสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้มีสกต.ที่ดำเนินการสถานีบริการชุมชนแล้ว 4 แห่ง และเบื้องต้นมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 6 แห่ง
การร่วมกันเพิ่มมูลค่าและช่องทางการตลาดให้ผลผลิตทางการเกษตร ด้วยการคัดสรรผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณภาพได้มาตรฐานมาจำหน่ายที่ร้าน SPAR ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ BCP ซึ่งปัจจุบันมี 15 สาขา รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งไปจำหน่ายที่ร้าน SPAR ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในโครงการอื่น เช่น โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร เพื่อสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อปัจจัยการผลิต ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิต ลดการใช้เงินสดมีความสะดวกและปลอดภัยตามนโยบาย National e-Payment ซึ่งปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมโครงการ 480 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 580 แห่งภายในสิ่นปีนี้ และจะมีการจัดรายการส่งเสริมการใช้บัตรระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.-31 ต.ค. เมื่อใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่เข้าร่วมรายการครบ 400 บาท รับสิทธิในการลุ้นรับรางวัลด้วย
"ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรไทยเข้าสู่เศรษฐกิจยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยี หรือ Smart Farming และเป็นเกษตรกรแบบผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneur"นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า สาระสำคัญของการร่วมมือนี้ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันด้วยโครงการส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานทดแทนและการจัดการธุรกิจครบวงจร โดยร่วมสนับสนุนให้เกษตรกรขยายพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมัน ส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรมีบทบาทในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าของพืชพลังงานทดแทน เพื่อพัฒนาการปลูกปาล์มให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพและมีตลาดรองรับ