โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT) แม้แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/60 อาจจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงและสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีแนวโน้มปรับลดลง แต่ก็คาดว่าทั้งปีนี้จะยังสามารถทำกำไรทะลุระดับ 100,000 ล้านบาท เติบโตจากระดับ 94,609 ล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากภาพรวมราคาน้ำมันในปีนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปีที่ผ่านมา อีกทั้งแนวโน้มกำไรจากบริษัทลูกทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมีฟื้นตัวขึ้นด้วย
นอกจากนี้ แผนนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เข้าตลาดหุ้นในช่วงปี 61 จะช่วยปลดล็อคมูลค่าธุรกิจค้าปลีกให้กับ PTT และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ PTT ในอนาคต
ราคาหุ้น PTT ช่วงบ่ายอยู่ที่ 383 บาท ลดลง 2 บาท (-0.52%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.06%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเซีย พลัส ซื้อ 460.00 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 439.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 420.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 420.00 ทิสโก้ ซื้อ 400.00 แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 430.00
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้เหตุผลแนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTT เนื่องจากราคาปิโตรเลียมปรับตัวดีขึ้น โดยมองราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดที่ 28 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่ผ่านมาไปแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปี 59 อยู่ที่ 46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 49.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ยังคาดว่า PTT จะได้กำไรจากบริษัทร่วมที่ดีขึ้นด้วย เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมี, โรงกลั่นต่างฟื้นตัวดีขึ้น และการที่นำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นก็จะช่วยปลดล็อคมูลค่าธุรกิจค้าปลีกให้กับ PTT ซึ่งเป็นการเพิ่ม value ให้ PTT
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTT ในปีนี้ ไว้ที่ 126,830 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีที่แล้ว
ด้านนายชัยพัชร ธนวัฒโน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการของ PTT แต่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากปีนี้ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังดี รวมทั้งธุรกิจน้ำมันก็มีค่าการตลาดที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบอยู่บริเวณ 48-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งทั้งปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทำให้ราคาทั้ง NGV และ LPG สะท้อนราคาตลาดได้มากขึ้น ส่งผลให้ PTT มีภาระขาดทุนที่น้อยลง ส่วนความคืบหน้าในการนำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในไตรมาส 1/61 ซึ่งการเข้าตลาดหุ้นของ PTTOR จะช่วยทำให้ปลดล็อค value ให้กับ PTT ได้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ของ PTT ไว้ที่ 101,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ PTT ในไตรมาส 1/60 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 46,168 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 141.9% จากไตรมาสก่อน และ 95.1% จากงวดปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด แต่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 คาดว่ากำไรปกติจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียกับไตรมาสแรก โดยมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลง และมีโอกาสขาดทุนสต็อก ขณะที่ส่วนต่าง (สเปรด) ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปสงส์จากจีนชะลอตัว ระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกำลังผลิตใหม่ของโรงอะโรเมติกส์ในอินเดียเข้ามากดดันตลาดด้วย
ส่วนธุรกิจหลักก๊าซธรรมชาติของ PTT คาดว่าปริมาณขายก๊าซฯผ่านท่อจะเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่กลับมาเร่งเดินเครื่องในช่วงฤดูร้อน แต่ก็จะถูกกดดันจากโรงแยกก๊าซฯที่มีอัตรากำไรลดลง เนื่องจากต้นทุนก๊าซฯที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น สวนทางกับราคาขายผลิตภัณฑ์อ้างอิงราคาปิโตรเคมีในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ส่วนภาพรวมช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ได้อย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจก๊าซฯหลังโครงการคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แห่งที่ 1 ระยะ 2 เสร็จจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับก๊าซฯอีก 5 ล้านตัน/ปี เป็น 10 ล้านตัน/ปี ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นจะกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่หลังปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 60 ยังคงประมาณการเดิมที่กำไรสุทธิ 102,645 ล้านบาท เติบโต 8.5% จากปีก่อน จากจุดเด่นฐานกำไรที่กระจายตัวลดความเสี่ยงในระยะยาว มี Upside จากการนำธุรกิจค้าปลีกเข้าตลาดหุ้น
ด้านบทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTT ด้วยราคาเป้าหมาย 420 บาท โดยมีปัจจัยหนุนจากโอกาสได้มูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ PTTOR ที่คาดว่าจะขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในครึ่งแรกปี 61 , Upside ในระยะยาวจากธุรกิจ LNG โดย PTT จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากความต้องการใช้ในไทยที่คาดว่าเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในช่วงปี 60-74 จากที่ PTT อยู่ระหว่างขยายขนาดคลัง LNG แห่งที่ 1 และก่อสร้างคลัง LNG แห่งที่ 2 กำลังผลิตรวม 18.5 ล้านตัน/ปี คาดเริ่มเปิดดำเนินการครบทุกแห่งในปี 65