นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการทำสัญญาการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงบนดินเพื่อ backup โครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งจะเชื่อมต่อประเทศเมียนมา ,ไทย และสิงคโปร์ เป็นระยะเวลาสัญญา 10 ปี มูลค่างาน 600 ล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ และจะรับรู้รายได้ปีละ 60 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการขยายบริการให้เช่าโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงในประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายณัฐนัย กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะทำรายได้คงเป้าหมายรายได้จะเติบโตได้ราว 30% แตะ 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 809.29 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดราว 50-60% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.24 ล้านบาท จากการรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าผลักดันอัตรากำไรสุทธิให้เติบโตเป็นราว 17% ในปี 63 และ 20% ในปี 65 จากปัจจุบันอยู่ที่ 9%
ทั้งนี้ การเติบโตของผลประกอบการในปีนี้เป็นไปตามธุรกิจงานให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่คาดจะเติบโต 50% ซึ่งล่าสุดบริษัทเข้าไปรับงานบริการวงจรเช่าความเร็วสูงให้กับ บมจ.เมืองไทยลิสซิ่ง (MTLS) โดย MTLS ตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 2,000 สาขาภายในปี 60 จากเดิมที่มี 1,700 สาขา บริษัทจึงคาดหวังจะติดตั้งโครงข่ายให้ได้ราว 1,200-1,500 สาขา อีกทั้งยังมองการเข้าไปรับงานของลูกค้ารายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก อย่างเช่นสาขาร้านสะดวกซื้อ 7-11 และห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่างานให้บริการติดตั้งโครงข่ายในปีนี้จะเติบโตราว 10% มาอยู่ที่ 350 ล้านบาท จากปีก่อน 311 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (backlog) อยู่ที่ราว 180 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานติดตั้งโครงข่ายของ TRUE คาดว่าจะรับรู้ปีนี้ทั้งหมด ส่วนงานดาต้าเซ็นเตอร์คาดว่าจะเติบโต 5% มาอยู่ที่ 70-77 ล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกขนาด 348 rack และดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 ปัจจุบันมีลูกค้าทำสัญญาแล้ว 30% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ส.ค.นี้
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังเตรียมความพร้อมจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนสถาบันต่างชาติ (โรดโชว์) ในครั้งต่อไป หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้ไปที่สิงคโปร์และฮ่องกงแล้ว โดยปลายปีนี้จะทำโรดโชว์ที่มาเลเซียร่วมกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 15% ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 8%
"ปีนี้เราเชื่อว่าเราจะเติบโตในระดับ 30% แตะ 1,000 ล้านบาทได้ และกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเราจะเข้าไปให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงบนดิน backup โครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ สัญญา 10 ปี มูลค่า 600 ล้านบาท และเราได้เข้าไปรับงานบริการวงจรเช่าความเร็วสูงให้กับ MTLS และก็อยู่ระหว่างมองหาลูกค้าที่มีจำนวนสาขาสูงเข้ามาเพิ่มเติมอีก ขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สอง เราก็มีลูกค้าเข้ามาจองแล้ว และเราต้องการลูกค้าเพิ่มอีก อย่างการบินไทย"