นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เดอะ สตีล (THE) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด เพิ่มอีก 30% จากเดิมที่ถืออยู่ 20% โดยได้รับโอนหุ้นเรียบร้อยแล้วเมื่อ 31 ม.ค.60 ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 50% ซึ่งสร้างผลตอบแทนในระยะยาว และสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 60 ดีขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 545.29 ล้านบาท และรายได้รวม 1.58 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีแผนนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคาดว่าจะชัดเจนภายในปลายปี 61
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 ของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากทิศทางราคาเหล็กยังทรงตัวในระดับสูง โดยมองว่าภาพรวมยอดขายในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.60) เป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัดด้วย
ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กปีนี้ มองว่าไม่น่าหวือหวามากนัก โดยทิศทางเป็นลักษณะทรงตัว ขณะที่ตลาดยังคงจับตามองถึงการเลือกตั้งภายในประเทศ เพราะหากมีการเลือกตั้ง จะเป็นช่วยสร้างความมั่นใจให้กับภาคการลงทุน และเป็นแรงขับเคลื่อนงานโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ความต้องการใช้เหล็ก เพื่อใช้ในงานก่อสร้างในประเทศเพิ่มขึ้น
นายบุญชัย กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายการดำเนินธุรกิจแบบ one stop service หรือการบริการแบบครบวงจร ซึ่งมุ่งเน้นที่ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย บริษัทสามารถแบ่งลักษณะการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทได้เป็น 3 ลักษณะ อันประกอบด้วย การให้บริการจัดหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แบบครบวงจร (Trading and Warehousing) หรือที่เรียกกันว่าซื้อมาขายไป ได้แก่ เหล็กม้วนรีดร้อน, เหล็กม้วนสลิต, เหล็กแผ่น, เหล็กรูปพรรณประเภทขึ้นรูปร้อน และ เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น
รวมถึงการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก (Steel Processing) โดยบริษัทนำเหล็กม้วนรีดร้อนมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กประเภทต่าง ๆ ได้แก่ เหล็กแถบม้วน (Slitting Coil), เหล็กท่อ (Steel Pipe) และเหล็กโครงสร้างรูปตัวซี (C-Channel) เป็นต้น
อีกทั้ง บริษัทยังมีศูนย์บริการเหล็ก (Coil Center) โดยให้บริการรับจ้างแปรรูปสินค้า อาทิ บริการตัดเหล็กแผ่น, ซอยหน้าเหล็กม้วนแถบเล็ก หรือ บริการตัด-พับขึ้นรูป ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ การบริการจะเป็นเช่นเดียวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก (Steel Processing) ต่างกันที่ลูกค้าจะเป็นผู้นำวัตถุดิบมาให้บริษัททำการแปรรูปตามที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ ยังมีบริการอื่น ๆ อาทิ การบริการบรรจุภัณฑ์พิเศษ และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็ก