นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงจะแกว่งในกรอบเหมือนเดิมที่แนวรับ 1,558-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด เนื่องจากตลาดฯกำลังรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ว่ารอบนี้ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ให้รอดการส่งสัญญาณต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการลดขนาดของงบดุลว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อใด
นอกจากนี้ หุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐก็เริ่มปรับฐาน ซึ่งการลงทุนคงจะอิงประเด็นเฉพาะตัวมากกว่า โดยให้เลือกเล่นเป็นรายตัวที่อิงกับสถานการณ์ เนื่องจาก Fund Flow ยังไม่เข้าตลาดหุ้น แต่เข้ามายังตลาดตราสารหนี้ พร้อมให้ติดตามกรณีปัญหาของตั๋วแลกเงิน (B/E) , สถาบันการเงิน และสินเชื่อ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,235.67 จุด ลดลง 36.30 จุด (-0.17%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,175.46 จุด ลดลง 32.45 จุด (-0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,429.39 จุด ลดลง 2.38 จุด (-0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 48.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 118.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.74 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มิ.ย.60) 1,563.81 จุด ลดลง 2.84 จุด (-0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 361.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 มิ.ย.60) ปิดที่ 46.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.60) ที่ 5.99 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.05/07 ตลาดรอผลประชุมเฟดวันพรุ่งนี้ ประเมินกรอบวันนี้ 33.95-34.05
- "สมคิด" เผยเตรียมเสนอ "บิ๊กตู่" วันนี้ ออกคำสั่งม.44 ปลดล็อกปัญหารถไฟไทย-จีน เพื่อให้การก่อสร้างเดินหน้าต่อไปได้ ด้าน "อาคม" ชง ครม. อนุมัติลงทุนช่วงกรุงเทพ-โคราชทันที พร้อมย้ำปีนี้ต้องเปิดประมูลไฮสปีด กรุงเทพ-ระยอง มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท ให้ได้ ส่วนรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทางกว่า 4 แสนล้านบาท จ่อชงเข้า ครม. ภายในเดือนก.ย. เพื่ออัดเม็ดเงินอีกล็อตใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ
- กพท. เตรียมแจ้งสายการบินที่ยังไม่ได้รับเอโอซี จะขยายเส้นตายการหยุดบินระหว่างประเทศจาก 1 ก.ค. เป็น 1 ก.ย. นี้ ขณะเดียวกันเตรียมมอบเอโอซีใหม่ให้นกแอร์-ไทยไลอ้อนแอร์-ไทยสมายล์ รวมเป็น 8 รายในเดือนนี้ พร้อมคาดจะมี สายการบิน 12-14 ราย ได้รับเอโอซีใหม่ภายในวันที่ 1 ก.ย.
- สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ พบว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย. และหลังการประชุมเดือนก.ย. ก่อนจะเริ่มลดขนาดงบดุล 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 157 ล้านล้านบาท) ลงในไตรมาส 4
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยความเชื่อมั่นของครัวเรือนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเดือน พ.ค.2560 ว่า ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 44.4 จากความกังวลที่ลดลงต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) และสถานการณ์ราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม หนี้สินที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออำนาจการซื้อของครัวเรือน
- ธปท.สนับสนุนแนวคิดการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการแลกเปลี่ยนโดยตรงระหว่างกัน (Local Currency) ตามที่ประเทศญี่ปุ่นมีแนวคิดจะส่งเสริม โดยเฉพาะการผลักดันใช้เงินบาท-เยนโดยตรงการชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างกัน แต่ต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไป
- สำนักวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนมองเศรษฐกิจไทยไม่โตพรวด หลังภาคเอกชนยังไม่ลงทุน เจอปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา หนี้ครัวเรือน-เอ็นพีแอลเอสเอ็มอีพุ่งไม่หยุด กดจีดีพีโตต่ำกว่าศักยภาพแท้จริง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TCJ-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. ที.ซี.เจ.เอเซีย (TCJ)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน31,530,584 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 10.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (ตั้งแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 7 มิถุนายน 2560 จนถึงวันครบกำหนดอายุใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 6 มิถุนายน 2563) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 5 มิ.ย. 2563
- ECL (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 3.64 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q60 จะโต QoQ ต่อเนื่องจากฐานลูกค้าสินเชื่อรถมือสองและบิ๊กไบค์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง (ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อ 48 เดือน) และจะ Turnaround จากขาดทุนสุทธิใน 2Q59 (มีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้น PP ให้กับพันธมิตรต่างชาติในราคาต่ำกว่าราคาตลาดฯ รวม 42.75 ล้านบาท)
- DTAC (ธนชาต) "ซื้อ"ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 65 บาท จากการแข่งขันในกลุ่มรุนแรงน้อยลง ขณะที่ DTAC เน้นการทำ "กำไร" จากลูกค้า postpaid เพิ่มขึ้น, การทำสัญญาเช่าคลื่น 2300MHz กับ TOT ไปอีก 8 ปี เป็นการปลดล็อก valuation ที่ต่ำเพียง EV/EBITDA 5x ในปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 7.5x และแม้กำไรยังอ่อนแอ แต่จะกลับมาขยายตัวแกร่งตั้งแต่ 4Q61 หลังไม่ต้องตัดค่าเสื่อมฯคลื่นที่หมดอายุไป ขณะที่ EBITDA ยังแข็งแกร่งระดับ 2.7 หมื่นล้านบาท/ปี
- MAJOR (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 38.20 บาท ปี 60 คาดกำไรปกติโต 47.0%YoY หนุนด้วยโปรแกรมหนังที่โดดเด่นในปีนี้ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมี 116 สาขา 689 โรงภาพยนตร์ จากสิ้นปี 59 ที่ 113 สาขา 678 โรงภาพยนตร์ และราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 16.6% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 3.7%