นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธาน มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 33.33% ในบริษัทสตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (Star Energy Group Holdings Pte.Ltd.) เพื่อร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 357.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 12,341 ล้านบาท โดยหลังจากทำการซื้อขายหุ้นเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที
การลงทุนครั้งนี้ มีผลทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของ BCPG เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเกือบ 2 เท่า จากการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตรวม 995 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจี 182 เมกะวัตต์ โดยโครงการทั้งหมดจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่ผลิตได้ให้แก่การไฟฟ้าอินโดนีเซีย (PLN) ภายใต้สัญญาระยะยาว
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพเหมาะสมกับการลงทุน โดยล่าสุด ได้รับการยกระดับ Credit Rating ในด้านการลงทุนจากสถาบันจัดระดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เพิ่มเป็น BBB- นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก และจากการที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพมีความเสถียรและทำงานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง การไฟฟ้าอินโดนีเซียจึงนำไปใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการกระแสไฟฟ้าฐาน (Base Load) ของประเทศอีกด้วย
“บีซีพีจีจะมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ด้วยการส่งตัวแทนไปทำหน้าที่กรรมการในบริษัทต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ซึ่งจะต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากบีซีพีจีก่อน เช่น การเข้าดำเนินโครงการใหม่ๆ การแก้ไขข้อบังคับบริษัท การเปลี่ยนลักษณะการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น บีซีพีจีจะมีโอกาสส่งพนักงานไปร่วมทำงานเพื่อเพิ่มความรู้และประสบการณ์ของบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นการพัฒนาศักยภาพให้บีซีพีจีสามารถเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วยตนเองในอนาคต"นายบัณฑิต กล่า;