นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น โดยมองว่าน่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ยังไม่แน่ใจในทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) และยังต้องรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะการใช้นโยบายทางด้านการเงินที่เข้มงวดขึ้นหรือไม่
แม้ว่าวานนี้หุ้นกลุ่ม PTT ปรับตัวขึ้นมา แต่เป็นการเล่นเก็งกำไรปัจจัยเฉพาะตัวจากกรณีที่รัฐบาลอาจใช้ ม.44 เข้ามาแก้ไขปัญหาแหล่งผลิตปิโตรเลียม S1 แต่ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวชึ้นมาของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การบริโภคภายในประเทศ และกลุ่มค้าปลีก ก็ยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน ส่วนที่เด่นอีกกลุ่มเมื่อวานนี้ คือ กลุ่มเดินเรือที่ขึ้นมาขานรับช่วง High Season เดือน มิ.ย.-ก.ค. และกลุ่มยางพารามีปัจจัยหนุนจากรัฐบาลขยายมาตราการช่วยเหลือชาวสวนยาง
สำหรับวันนี้มีปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงานทดแทนให้เก็งกำไร คือ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์ฟาร์มหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตรในเฟสที่ 2 ในวันนี้หลังจากที่เปิดให้ยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้า โดยกำหนดการจับสลากและประกาศผู้ชนะการประมูลในวันที่ 26 มิ.ย.
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ค่อนข้างจะอยู่ในแดนบวก ซึ่งบรรยากาศโดยรวมยังหนุนตลาดฯได้ พร้อมให้แนวรับ -1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,328.47 จุด เพิ่มขึ้น 92.80 จุด (+0.44%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,220.37 จุด เพิ่มขึ้น 44.90 จุด (+0.73%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,440.35 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด (+0.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 63.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มิ.ย.60) 1,572.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.55 จุด (+0.55%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,539.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มิ.ย.60) ปิดที่ 46.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มิ.ย.60) ที่ 6.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.90 แนวโน้มแข็งค่า มีลุ้นหลุด 33.85 ตลาดรอความชัดเจนสัญญาณดอกเบี้ยจากเฟด
- "นายกฯ" จ่อ ออกคำสั่งมาตรา 44 สัปดาห์หน้ายกเว้นระเบียบจัดซื้อเร่งโครงการรถไฟไทย-จีน "อาคม"เผย รายงานปัญหาข้อขัดข้องต่อ"วิษณุ"แล้ว อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ขณะนี้ส่อหลุดเป้าเสนอ ครม.อนุมัติโครงการไม่ทัน มิ.ย.เหตุยังไม่ผ่านบอร์ด สศช. ด้าน รฟท.ใช้ร่างทีโออาร์รถไฟทางคู่เป็นมาตรฐาน พร้อมประกาศประมูล 3.5 กม.คาดราคากลาง 220 ล้านบาท
- ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งระบบราง อากาศยาน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
- ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในสิ้นปี 2560 นี้ คาดจะมีการขยายตัวติดลบอยู่ที่ประมาณลบ 10-15% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้เจ้าของสินค้าหันมาลดงบในการซื้อสื่อโฆษณา และแบ่งงบส่วนหนึ่งไปซื้อสื่อออนไลน์และทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้
- นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เผยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรรมการสมาคมได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศหลังจากที่ใช้มานานกว่า 30 ปี โดยเสนอให้ลดภาษีอากรนำเข้าจากปัจจุบัน 80% ลงเหลือ 30% และเสนอให้สำแดงราคาสินค้าตามความเป็นจริงในอัตรา 100% ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาขายปลีกที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของประเทศผู้ผลิต
*หุ้นเด่นวันนี้
- EA (ธนชาต) "ซื้อ" จะถูกเพิ่มในดัชนี FTSET วันที่ 19 มิ.ย.นี้ คาดถูกเพิ่มเข้าไปคำนวนในดัชนี SET50 สิ้น มิ.ย.นี้ ขณะที่กำไรการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการหาดกังหัน #1-#2 รวม 81MW หนุนกำไร 2Q60
- RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.80 บาท ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายกลุ่ม Health&Beauty ขึ้นเป็น 1.1 พันลบ. โตกว่า 4 เท่าตัว Y-Y สูงกว่าคาดการณ์เดิมของตลาดที่ 700-800 ลบ. ถ้าเป็นไปตามนั้นจะเพิ่ม Upside ต่อประมาณการของเรา 15-20% ขณะที่ กำไร 2Q60 คาดโตทั้ง Y-Y และ Q-Q
- PTTEP (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 100.65 บาท คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ราว 2.53 หมื่นล้านบาท +97%YoY จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นราว 15%YoY มาสู่ 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่บริษัทพยายามลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องราว 10%YoY สู่ 29 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีประเด็นบวก คสช.เตรียมใช้ ม.44 แก้ไขการใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ผลิตปิโตรเลียมคาดะออกสัปดาห์หน้าหลังหารือกันแล้ว เชื่อแหล่งผลิต S1 จะกลับมาผลิตได้เร็วขึ้นจากก่อนหน้านี้คาดหยุดผลิต 7 เดือนไปจนถึง ธ.ค.60) โดยหากกลับมาผลิตได้เร็วทุก ๆ 1 เดือนจะส่งผลบวกต่อ PTTEP ราว 0.4-0.5 บาทต่อหุ้น