นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. พีซีเอ็น คอร์ป (PCN) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้ว
PCN มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 190 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 380 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 640 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,280 ล้านหุ้น แบ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 450 ล้านบาท บริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย นายเสกสรร กล่าวอีกว่า PCN ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ประเภทงานทาง งานอาคาร และงานชลประทาน และธุรกิจโรงงานผลิต จำหน่ายยางแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ช่วงที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในเขตพื้นที่ภาคเหนือจำนวนมากให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลากหลายรูปแบบ อาทิ งานทาง งานอาคาร งานชลประทาน ฯลฯ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรใหม่ๆเข้ามาใช้ในงานก่อสร้าง และการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญงานวิศวกรรมสมัยใหม่ เพื่อรองรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐ ที่เร่งการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ อีกทั้งบริษัทยังมีโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาค AEC
นายณัฐนารถ สินธุนาวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCN เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนใน SET โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อลงทุนขยายพื้นที่และอาคารสำนักงาน ซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรและเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้างโครงการของบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงลงทุนก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรบ ศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ อีกทั้งชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างหลากหลายรูปแบบ ทั้งการก่อสร้างทาง การก่อสร้างอาคาร การก่อสร้างระบบชลประทาน ให้กับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและบุคคลทั่วไป รวมทั้งเข้าร่วมกับบริษัทอื่นๆ เพื่อรับงานหรือประมูลงานในนามของกิจการร่วมค้า และดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตและจำหน่ายแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ในจังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการใช้งานในโครงการก่อสร้างถนนและจำหน่ายให้ลูกค้าทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมี บริษัท เอเชี่ยน แอสฟัลท์ จำกัด เป็นบริษัทย่อย ที่ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายยางแอสฟัลต์อิมัลชันหรือยางมะตอยน้ำประเภทต่างๆและยางมะตอยผสมสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการขนส่งและคมนาคม เพื่อรองรับงานก่อสร้างและซ่อมแซมทาง โดยจัดจำหน่ายให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง
PCN ระบุในไฟลิ่งว่าบริษัทมีแผนเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของงานรับเหมาก่อสร้างทั้งประเภทงานทาง งานอาคารและงานชลประทาน การลงทุนในเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในงานรับเหมาก่อสร้าง เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง เพิ่มความแม่นยำและความถูกต้องของงานก่อสร้าง อีกทั้งยังทำให้การก่อสร้างดำเนินการแล้วเสร็จในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทสามารถรับงานโครงการก่อสร้างได้จำนวนมากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัทที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคอื่นๆของประเทศ หรือแม้กระทั่งงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน และบริษัทมีแผนจะลงทุนในเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยการใช้เงินจำนวนหนึ่งที่จะได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
ขณะที่ เอเชี่ยนแอสฟัลท์ มีนโยบายที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแอสฟัลต์อิมัลชันในภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับ การขยายฐานลูกค้าไปตามพื้นที่ต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการสร้างโรงงานในพื้นที่อื่นๆ ยังเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการผลิต โดยบริษัทจะลงทุนในเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพของสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อีกทั้งยังเป็นการรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเงินที่จะใช้ลงทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัทส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งจะขอสนับสนุนจากบริษัทในรูปเงินกู้ยืม หลังจากบริษัทได้ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกของ PCN
ทั้งนี้ ในแบบไฟลิ่งของ PCN ระบุว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมของบริษัทและบริษัทย่อยตั้งแต่ปี 57 จนถึงงวดไตรมาส 1/60 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมในปี 57, ปี 58, ปี 59 และงวด 3 เดือนแรกของปี 60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 เท่ากับ 558.47 ล้านบาท, 937.58 ล้านบาท, 1,643.01 ล้านบาท และ 752.27 ล้านบาท ตามลำดับ
ในส่วนกำไรของบริษัทและบริษัทย่อยเติบโตอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับรายได้ โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในปี 57 , ปี 58, ปี 59 และงวด 3 เดือนแรกของปี 60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 เท่ากับ 35.10 ล้านบาท, 83.23 ล้านบาท, 208.70 ล้านบาทและ 90.52 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.28%, 8.88%, 12.70% และ 5.51% ของรายได้รวม ตามลำดับ