นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 1.66 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 1.43 หมื่นล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2.33 พันล้านบาท ในปี 60 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.28 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 2/60 บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 2.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างลงตัว
บริษัทคาดยอดขายในไตรมาส 2/60 จะเติบโตราว 25% จากไตรมาส 1/60 หรือมาอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท และปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 4.25 หมื่นล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้ยอดโอนมากที่สุดในช่วงไตรมาส 4/60 ที่คาดจะมีการโอนราว 1.53 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 10 โครงการ มากกว่าปีก่อนที่มี 5 โครงการ
บริษัทยังคงเป้าหมายยอดโอนในปีนี้อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท และได้ปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีเป็น 3.1 หมื่นล้านบาท และเตรียมจัดงาน "ANANDA URBAN PULSE" ระหว่างวันที่ 22-25 มิ.ย. 60 ที่ชั้น 1 สยามพารากอน โดยได้คัดสรรและรวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพติดรถไฟฟ้าถึง 22 โครงการทั่วกรุงเทพฯ โดยบริษัทเชื่อวทาทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มปรับตัวดีขึ้นและคาดวทาจะเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ทำให้บริษัทได้จัดงานใหญ่แห่งปีเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการทำการขายผ่านช่องทาง Online Booking เป็นครั้งแรก ซึ่งเปิดให้ลูกค้าได้จองเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 60) โดยสามารถทำยอดขายได้ 1.08 พันล้านบาท โดยมีจำนวนยูนิตที่ขายไปได้ทั้งหมด 155 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วนการขาย 80% ของมูลค่าโครงการที่นำมาขายทั้งหมด 1.23 พันล้านบาท จำนวน 155 ยูนิต โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ของบริษัทที่เปิดตัวในไตรมาส 2/60 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ ไอดีโอ คิว วิพเตอรี่, โครงการ ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 และโครงการ เอลลิโอ เดล เนสท์ ซึ่งบริษัทแบ่งสัดส่วนการขายผ่านช่องทางออนไลน์ 10-15% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดของ 3 โครงการ
ครึ่งปีหลังบริษัทจะยังคงเดินหน้าการขายผ่านช่องทาง Online Booking อย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับปรุงระบบสำเร็จและประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย แต่บริษัทจะเลือกเฉพาะบางโครงการและบางยูนิตในโครงการที่เปิดขายในช่วงครึ่งปีหลังมาทำการตลาดผ่านการจอง Online Booking ซึ่งบริษัทยังต้องศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความสนใจจองผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อสามารถทำการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง เพราะปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงต้องการเข้าไปชมห้ออตัวอย่างและสอบถามรายละเอียดต่างๆกับเจ้าหน้าที่โครงการ
นายชานนท์ กล่าวถึงแนวโน้มภาวะอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดจะเริ่มคึกคักมากขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนการเปิดตัวเป็นจำนวนมาก ประกอบกับ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ ในขณะที่ลูกค้าของบริษัทยังไม่ได้มีปัญหาในแง่ของกำลังซื้อ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทเป็นลูกค้าที่มีหนี้อยู่น้อย และมีการไม่โอนต่ำกว่า 1% ประกอบกับทำเลของโครงการบริษัทเป็นโครงการที่มีศักยภาพ ทำให้บริษัทมั่นใจไนแง่การขายและการโอนในช่วงครึ่งปีหลัง