โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) ประเด็นน่าลงทุนมาจากช่วงครึ่งหลังปีนี้ (H2/60) จะเริ่มทยอยประมูลงานโครงการของภาครัฐฯ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเห็นการประมูลในเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน ระยะทาง 16.4 กม. งบลงทุน 1.23 แสนล้านบาท และ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 1.31 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ CK ยังได้รับงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินจาก BEM จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างรอลงนาม และคาดว่าจะได้งานใหม่ของภาครัฐในช่วงที่เหลือ รวมกันไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท หนุนงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 7.6 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มทำให้ Backlog กลับมาแตะระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง
แต่จากโครงการภาครัฐเลื่อนการประมูลโครงการรถไฟทางคู่เมื่อช่วงต้นปี 60 และอีกหลายโครงการ ทำให้ประมาณการกำไรปี 60 ที่ 1.78-1.8 พันล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.0 พันล้านบาท แต่จะฟื้นตัวขึ้นมาในปี 61 คาดไว้ที่ 2.0-2.3 พันล้านบาท จากที่งานใหม่ของภาครัฐทยอยเข้ามากในปีหน้า
ส่วนรายได้จากงานก่อสร้างปีนี้คาดไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และปีหน้าเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.7 หมื่นล้านบาท จากปีที่แล้วมีรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท เพราะได้งานส่วนเพิ่มเติมของโครงการไซยะบุรีซึ่งเป็นก้อนใหญ่
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.27 น.หุ้น CK อยู่ที่ 28.00 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.88%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ไอร่า ซื้อ 39.00 ทิสโก้ ซื้อ 37.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 37.00 หยวนต้า (ประเทศไทย) สะสม 36.50 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 36.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 35.50 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 35.00 กสิกรไทย ซื้อ 33.40
น.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเด็นน่าสนใจลงทุนหุ้น CK มาจากงานภาครัฐโครงการใหญ่ได้เร่งทยอยออกเปิดประมูลในช่วงครึ่งหลังปีนี้ (H2/60) ได้แก่ งานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง งานรถไฟฟ้า ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน สายสีม่วงต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
นอกจากนี้ CK จะรับงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท จะทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 9.5 หมื่นล้านบาทจากปัจจุบันมึอยู่ 7.6 หมื่นล้านบาท และยังมีโอกาสได้งานใหม่จากงานภาครัฐซึ่งมองว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท (รวมงานของ BEM)
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท เพราะปีที่แล้วได้งานส่วนเพิ่มเติมของโครงการไซยะบุรีที่มีมูลค่าสูง แต่จะเห็นมีกำไรดีขึ้นในปี 61 ที่ประมาณการจะมีจำนวน 2.1 พันล้านบาท
"เรายังคงชอบ CK จากโอกาสการรับงานเพิ่มและรวมถึงงานที่มีโอกาสเซ็นสัญญาในระยะใกล้จากงานรถไฟฟ้าต่อขยายจาก BEM มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ทำให้งานในมือเข้าสู่ระดับ 1 แสนล้านบาท"
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า CK เป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หลังจากเลื่อนประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจาก CK กระจายธุรกิจไปหลายธุรกิจผ่านบริษัทลูก ได้แก่ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) บมจ.ซีเค พาวเวอร์(CKP) และ BEM ซึ่งทั้ง 3 บริษัทย่อย มีมูลค่ารวม (Valuation) 28.8 บาท ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มีมูลค่า 7.2 บาท เท่ากับว่า ซื้อหุ้น CK ได้บริษัทลูกแถมบริษัทรับเหมาฟรี ประกอบกับโครงการภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มออกประมูลแล้ว
อย่างไรก็ดี จากผลการเลื่อนประมูลรถไฟทางคู่เมื่อต้นปี ได้มีการปรับประมาณการกำไรปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีฐานสูง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขายเงินลงทุนได้กำไรมา 270 ล้านบาท หากเทียบกำไรปกติในปี 59 ที่มีอยู่ 1,730 ล้านบาท กำไรในปี 60 จะเพิ่มขึ้น 3% แต่ในปี 61 กำไรสุทธิจะกลับมาดี คาดไว้ที่ 2,340 ล้านบาท เติบโต 30% เพราะงานที่ประมูลล่าช้าจะไปรับรู้ค่อนข้างมากในปีหน้า
ส่วนนายดนัย ดุลยาพิศิษฐ์ชัย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านตลาดทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มอง CK น่าจะได้รับผลบวกจากช่วงครึ่งหลังปีนี้จะมีงานประมูลของภาครัฐเข้ามาใหม่อีก โดยนับจากเดือนก.ค.นี้เป็นต้นไปจะเริ่มมีการประมูลงานโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง โครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายด้านใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 1.31 หมื่นล้านบาท งานทางด่วน พระราม3-ดาวคะนอง มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิในปี 60 อาจจะไม่โต โดยคาดไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากงานก่อสร้างเติบโตมากเป็น 4.5 หมื่นล้านบาทแต่มาริ์จิ้นต่ำ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากงานก่อสร้าง 3.5 หมื่นล้านบาทแต่มีมาร์จิ้นดีกว่าปีก่อน ส่วนปี 61 คาดว่าจะมีรายได้จากงานก่อสร้าง 3.7 หมื่นล้านบาท และคาดกลับมามีกำไรระดับ 2 พันล้านบาท