นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ทางขสมก.ยังคงกำหนดลงนามในสัญญาเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket)กับบมจ.ช ทวี (CHO) ตามเดิน เนื่องจาก ขสมก. ยังไม่ได้รับคำสั่งศาลใดๆ จากการที่กิจการร่วม BMZT Consortium โดย บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ยื่นฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองกรณีการลงนามเช่าระบบ E-Ticket หลังไม่ผ่านคุณสมบัติ เนื่องจากยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนตามประกาศทีโออาร์ข้อ 2.12 ที่เป็นสาระสำคัญ โดยเจตนารมณ์ของทีโออาร์ ระบุให้ยื่นแสดงหลักฐานต้นฉบับหรือสำเนาสัญญาของงานหรือหนังสือรับรองผลงาน เพื่อพิจารณาว่าตามสัญญาของผลงานที่นำมาอ้างอิงเริ่มดำเนินการเมื่อใด สิ้นสุดเมื่อด และข้อ 3.2(2) คือ ไม่ยื่นสำเนาสัญญาผลงานตามที่ได้แจ้งไว้ในเอกสารหนังสือผลงาน และยื่นหนังสือแสดงเงื่อนไขการเช่าด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ครบถ้วน
ทั้งนี้ เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องได้ ในขณะที่ ขสมก.ยืนยันว่าดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งกรณีที่ BTSC ยื่นฟ้องคุ้มครองนี้เชื่อว่ามีเจตนาไม่สุจริต เพราะไม่มีเหตุให้ฟ้อง อีกทั้งบริษัทไม่สามารถหาเอกสารมาได้ตามทีโออาร์กำหนด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขสมก.ได้เปิดประมูลโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้ออกประกาศทีโออาร์ ครั้งที่ 1 วันที่ 4-10 ม.ค.60 ประกาศครั้งที่ 2 วันที่ 17-23 ม.ค.60 และประกาศครั้งที่ 3 วันที่ 26 -31 ม.ค.60 และบอร์ดขสมก.ได้อนุมัติทีโออาร์ จึงขายซองประมูล วันที่ 7-16 ก.พ.60 มีผู้มาซื้อซอง 37 ราย มีการชี้แจงเอกสารประมูลในวันที่ 17 ก.พ.60 โดยมี 34 บริษัทเข้าร่วมรับฟัง และวันที่ 6 มี.ค.60 มีเอกชน 4 รายยื่นซองประมูล ได้แก่ บมจ.ช.ทวี, กิจการร่วม BMZT, บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด, กิจการร่วมค้า SETIN โดย บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) และมีบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติ 2 ราย คือ บมจ.ช.ทวี, กิจการร่วมค้า SETIN
"ก่อนเคาะราคาวันที่ 5 เม.ย. ทางกลุ่มบีทีเอส ร้องมาแล้วแต่ได้ชี้แจงกันแล้ว เพราะบีทีเอสไม่มีเอกสารสำคัญ คือสำเนาสัญญาที่เคยทำงานมา ซึ่งบีทีเอสอ้างว่ามีผลงานที่สิงคโปร์ แต่ทางสิงคโปร์จะไม่มีสัญญา ขสมก.จึงให้ขอการรับรองจากสถานทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เพื่อยืนยันว่าประเทศสิงคโปร์ไม่มีหนังสือสัญญา ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. - 22 มี.ค. ทางบีทีเอสไม่สามารถนำหนังสือรับรองจากสถานทูตสิงคโปร์มาได้ จึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่ต้องตัดสิทธิ์ในการเสนอราคา" รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว
อย่างไรก็ตาม การประมูล e-Ticket บนรถเมล์เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ใช้ระบบตั๋วร่วม และรองรับบัตรผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการคลังที่จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ต.ค.60 ซึ่งขสมก.จะเร่งติด e-Ticket ในรถ 800 คันแรกให้เสร็จเพื่อรองรับ โดยเป็นโครงการที่ ขสมก.ลงทุนเอง เพื่อบริการที่สะดวก แต่หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองโครงการก็ต้องหยุด และถือว่า ขสมก.ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว