นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าตลาดจะแกว่งในกรอบแคบๆ และมีแนวโน้มอ่อนตัวจากวันก่อนเล็กน้อย หลังผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) นั้นอาจสร้างความกังวลให้กับตลาดในเรื่องการลดขนาดสินทรัพย์ ราคาน้ำมันที่เข้ามาเป็นตัวถ่วงตลาด แม้หุ้นบางกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะยังมีแรงซื้อเข้ามาก็ตาม
ทั้งนี้ ผลการประชุม FOMC ออกมาตามที่ตลาดคาด คือ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1-1.25% และมีแผนจะลดขนาดสินทรัพย์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐลง โดยกำหนด (ไม่เป็นทางการ) มาที่ 1.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน (Treasuries 6 และ mortgage-backed securities (MBS) 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังไม่กำหนดเวลาว่าจะเริ่มต้นเมื่อใดในปีนี้ โดยที่การตอบรับของตลาดเช้านี้ต่อการนโยบายการเงินของเฟดไม่ได้ตอบรับต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากนัก Dollar Index อ่อนค่าลง ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI คืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาแตะ 44 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังตัวเลข stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายงานโดย EIA ที่ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล นั้นยังลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ IEA ออกรายงานระบุว่าการผลิตโดยรวมของทุกประเทศในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 5.85 แสนบาร์เรล/วัน (เป็น 96.69 ล้านบาร์เรล/วัน) จะมีความกังวลด้าน supply โดยรวมประเมินปัจจัยจากต่างประเทศแล้ว การปรับขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดสินทรัพย์ของเฟด คาดจะดูเป็นลบต่อตลาดเพียงเล็กน้อย
ด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามาในตลาด แรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐยังสร้าง sentiment ในทางบวกต่อตลาดหุ้น แต่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง อาจจะมีผลลบต่อหุ้นน้ำมัน (ผลิต+โรงกลั่นฯ)
"เรายังแนะนำเป็น “ถือ" และคงเงินสดในพอร์ตไว้ 30% กรอบเวลาการลงทุน ควรเป็นการเล่นสั้นๆ เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไว้ก่อน สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ MTLS , CK , HTECH , MAJOR , OCEAN"นายมงคล กล่าว