นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทุ่งคาฮาร์เบอร์ (THL) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.60 ที่ผ่านมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากศาลเห็นว่าบริษัทได้ดำเนินการครบถ้วนตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งการปรับแผนงานขององค์กร การเพิ่มทุน และได้ดำเนินการวางทรัพย์ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนทุกกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย ทำให้บริษัทมีฐานะกิจการที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายเวลา 1 ปี เร็วกว่าแผนที่วางไว้ 5 ปี
ทั้งนี้ บริษัทได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการด้วยความสมัครใจ โดยการยื่นคำร้องเพื่อขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.56 และในเดือน พ.ย.56 ศาลฯ มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัท ตามคำร้องของบริษัท โดยตั้งบริษัทเป็นผู้ทำแผน
ต่อมาในวันที่ 18 มี.ค.59 บริษัทได้ระดมทุนสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยเปลี่ยนแปลงจากทุนเดิม 756,939,463 บาท เป็น 20,402,222,606 บาท ได้รับเงินจำนวน 982,264,157.15 บาท และบริษัทได้ดำเนินการวางทรัพย์ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนทุกกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย คิดเป็นเงินจำนวน 529,784,548.64 บาท ในวันที่ 19 มี.ค.59 ดังนั้น ในวันที่ 10 ต.ค.59 บริษัทฯ จึงได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
“นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากที่บริษัทสามารถชำระหนี้และออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในเวลา 1 ปี ซึ่งเร็วกว่าแผนถึง 4 ปี ซึ่งจากแผนเดิมจะชำระหนี้เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 59 และออกจากแผนได้ปี 63 โดยนโยบายของบริษัทคือต้องการการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การพิจารณาพ้นเหตุเพิกถอนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารงานได้คล่องตัวมากขึ้น" นายวิจิตร กล่าว
นายวิจิตร กล่าวว่า ในปี 60 นี้ ถือเป็นปีที่ดีมาก เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่มาเป็นเวลากว่า 111 ปี โดยเริ่มต้นจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่อ่าวภูเก็ต ตั้งแต่ปี 49 โดยเริ่มต้นจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่อ่าวภูเก็ต โดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด ที ไมล์ส ชาวออสเตรเลีย ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งได้เริ่มมีแนวคิดจากการสังเกตเห็นวิธีการทำเหมืองแร่ของชาวจีนที่ภูเก็ตในปี 48 จึงได้พัฒนาเครื่องมือและลงทุนในการทำธุรกิจนี้
“หลังจากนี้ไป บริษัทฯ จะมุ่งมั่นสร้างการเติบโตขององค์กรให้มั่นคงและยั่งยืนด้วยการทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรและควบคู่ไปกับการคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งยังรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม" นายวิจิตร กล่าว