โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) หลังมองจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่สำนักงานประกันสังคมเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เนื่องจาก BCH มีจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมมากที่สุดราว 8 แสนราย สูงสุดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน น่าจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกเหนือจากแนวโน้มปริมาณผู้ป่วยในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูฝนที่เร็วกว่าปกติ ประกอบกับผู้ป่วยจากต่างประเทศยังคงมีอัตราการเติบโต ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ขยายตัวได้ในปีนี้
โบรกเกอร์อย่างน้อย 3 แห่งปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BCH เพิ่มขึ้นในปีนี้ตามการปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมามากก่อนหน้านี้จากกำไรในไตรมาส 1/60 ออกมาไม่สดใสนัก จึงทำให้มี Upside จากแนวโน้มที่ดีขึ้นตามปริมาณผู้ป่วยและการปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคมดังกล่าว
ราคาหุ้น BCH เมื่อเวลา 15.04 น.อยู่ที่ 13.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ขณะที่ SET -0.09%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 16.40 เออีซี ซื้อ 16.00 ธนชาต ซื้อ 14.80 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 16.40 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 16.00 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 15.60 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 16.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 17.00
นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม ทำให้ BCH ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมมากสุดราว 8 แสนคนได้รับประโยชน์มากที่สุด เมื่อรวมกับแนวโน้มผู้ป่วยในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ และผู้ป่วยต่างประเทศที่มีอยู่ในสัดส่วนไม่ถึง 10% ยังมีอัตราเติบโตที่ดี ก็น่าจะทำให้ผลกำไรในปีนี้เติบโตได้มากขึ้น จากเป้าหมายที่คาดว่าปีนี้ BCH จะมีกำไรสุทธิเติบโตราว 24% จากปีก่อน
ทั้งนี้ เมย์แบงก์ฯ อยู่ระหว่างการเตรียมปรับประมาณการกำไรของ BCH ในปีนี้ แต่ยังต้องรอการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ออกมาก่อนเพื่อยืนยันแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่เพิ่มขึ้นให้ชัดเจน หลังยังไม่เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากในเดือน เม.ย. แต่อาจจะเริ่มเห็นจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค.ขณะที่ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในช่วงไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงค่อนข้างมีนัยสำคัญ
"เราเริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของผู้ป่วยภายในประเทศ หลังหน้าฝนมาเร็วกว่าปกติ 1 เดือนทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นภายในประเทศ ขณะที่ผู้ป่วยต่างประเทศก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตได้ 7-8%...การปรับเพิ่มขึ้นของค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม โดยรวมทำให้ค่าเฉลี่ยรายได้ที่ได้รับจากสิทธิประกันสังคมเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6% ก็น่าจะทำให้ earning ดูดีตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป"นายสิทธิชัย กล่าว
นายสิทธิชัย กล่าวว่า การปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม ซึ่งเป็นอัตราการเบิกจ่ายใหม่ใน 3 ส่วน ได้แก่ การเพิ่มอัตราเหมาจ่ายต่อคนเป็น 1,500 บาท/คน/ปี จากเดิม 1,460 บาท/คน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 2-3% ,ค่าใช้จ่ายตามภาระเสี่ยงในการรักษาของผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเป็น 447 บาท/คน/ปี จากเดิม 432 บาท/คน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 2-3%
ความเสี่ยงต่อหัวของผู้ป่วยใน เพิ่มเป็น 640 บาท/คน/ปี จากเดิม 560 บาท/คน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 14% ทำให้ค่าเฉลี่ยรายได้ที่ได้รับจากสิทธิประกันสังคม เพิ่มขึ้นประมาณ 6% ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้นตามการปรับเพิ่มอัตราการเบิกจ่ายใหม่ดังกล่าว BCH ก็น่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 5-6% เช่นกัน
ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิสำหรับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคมขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากประมาณการการขึ้นของค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคมไว้ต่ำกว่าคาด โดยกำไรสุทธิใหม่ในปี 60 สำหรับ BCH อยู่ที่ 875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากประมาณการเดิม คิดเป็นเพิ่มขึ้นราว 16% จากปีที่แล้ว และเลือก BCH เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมที่มีโอกาสเติบโต และจำนวนผู้ประกันตนสูง
ขณะที่บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ก็ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) ในปีนี้ของ BCH เพิ่มขึ้น 7-13% หลังมองว่าจะได้รับจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับเพิ่มขึ้นของค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคมในครั้งนี้ เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมสูงสุดที่สุด
บทวิเคราะห์ของ บล.เออีซี ระบุว่า การปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคมจะทำให้ BCH ได้ประโยชน์มากสุดเพราะมีผู้ประกันตนกว่า 7.8 แสนคน สูงสุดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรของ BCH เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.2% โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 921 ล้านบาท เติบโต 22.3% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะเติบโตอีก 14.3% ในปี 61 หลังรับรู้ผลเต็มปีของการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายประกันสังคม และคาดผลดำเนินงานของโรงพยาบาล World Medical Center (WMC) ซึ่งรองรับตลาดบนนั้นจะดีขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ มองว่า BCH จะมีศักยภาพทำกำไรที่ดีขึ้นมาก เพราะเกิดการประหยัดต่อขนาดจากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายของประกันสังคม และการมีโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สาขาประชาชื่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงในการรักษาโรครุนแรง (Supra Contractor) ยังหนุนโอกาสรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากสถานพยาบาลอื่นที่ไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรให้เติบโตอย่างสดใส ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 60
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของ BCH ในไตรมาส 2/60 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน จากลูกค้าเงินสดบางส่วนเริ่มกลับเข้าใช้บริการหลังจากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ประกอบกับจำนวนลูกค้าต่างชาติที่น่าจะเพิ่มสูงขึ้น จากที่ล่าสุดได้เซ็นสัญญารับส่งต่อผู้ป่วยกับสถานทูตคูเวต กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) พิ่ม รวมทั้งเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์อื่นๆ เช่น ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า ที่เปิดเมื่อเดือนเม.ย. 60 และศูนย์เสริมสร้างสมรรถภาพความเป็นชาย ที่เปิดเมื่อเดือนพ.ค.60
สำหรับจำนวนลูกค้าเงินสดอาจจะขยายตัวไม่เด่นมากหากเทียบกับปีก่อน แต่ลูกค้าประกันตนมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างดี โดยการที่สำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัว จะเป็นประโยชน์ต่อ BCH อย่างมีนัย ด้านราคาหุ้นปรับตัวลงสะท้อนความกังวลต่าง ๆ ไปค่อนข้างมากพอสมควร ทำให้ยังคงแนะนำ"ซื้อ"