นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า การตกลงเป็นพันธมิตรกับบริษัท โซจิตสึ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมกันทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอย่างครบวงจร ทั้งในกลุ่ม CNG และ NGV ให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั่วโลกนั้น โดยเบื้องต้นจะมีการนำสินค้าประเภทถังบรรจุก๊าซ NGV สำหรับยานยนต์ หรือ NGV Type IV เข้าไปจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งแรก คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 60 หรือต้นปี 61
"สินค้าดังกล่าวถือว่ามีมาร์จิ้นสูง และน่าจะมีโอกาสในการทำกำไรให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ"นายฤทธี กล่าว
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้โตได้ราว 30-40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,523.74 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจหลักทั้งการขายและขนส่งก๊าซธรรมชาติ, ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์, โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) และอื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 70:20:2:8 ตามลำดับ
"ปีนี้เราก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากรายได้ประจำที่เติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่มองผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 ก็น่าจะเติบโตแข็งแกร่งกว่าไตรมาส 1/60 เป็นไปตามทุกๆส่วนของธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น" นายฤทธี กล่าว
ทั้งนี้แผนการขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ในปีนี้คาดจะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 20 แห่ง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างสถานี NGV ราว 5 แห่ง และอยู่ระหว่างขอสัญญาซื้อขายก๊าซเพื่อลงทุนพัฒนาสถานีก๊าซ NGV เพิ่มอีก 2 แห่ง ขณะที่จับมือกับพันธมิตรสถานีบริการน้ำมันอันดับต้นๆ ของประเทศเพื่อพัฒนาสถานีก๊าซจำนวน 2 แห่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการขอสัญญาซื้อขายก๊าซ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือนก.ค.นี้
รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) สถานีก๊าซ NGV จำนวน 4 แห่ง ซึ่งจะมี 1 แห่งที่จะเป็นสถานีบริการรูปแบบแอสโซซิเอทแก๊ส ประกอบกับจะเริ่มเจรจาทำ M&A เพิ่มเติมอีก 7 แห่ง โดยบริษัทยังคงงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ที่ 1,350 ล้านบาท
นายฤทธี กล่าวว่า หลังจากตั้งสถานีบริการก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะช่วยผลักดันปริมาณขายก๊าซให้สูงขึ้นเป็น 6.9 แสนกิโลกรัม/วันภายในปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.2 แสนกิโลกรัม/วัน เนื่องจากมองว่าความต้องการใช้ NGV จะเพิ่มขึ้น เพราะส่วนต่างราคาก๊าซกับราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินยังคงมากกว่าเท่าตัว
สำหรับธุรกิจจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (iCNG) ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีกีซ NGV (EPC) คาดจะมีรายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ก็จะมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาครบจำนวน 5 เมกะวัตต์ในปีนี้