นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เปิดเผยว่า หน่วยทรัสต์เพิ่มเติมของ LHHOTEL จะเริ่มเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 20 มิ.ย.60 หลังจากได้รับการตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมแก่นักลงทุนที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม (Rights Offering) และนักลงทุนรายใหม่ทั้งที่เป็นผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์และนักลงทุนสถาบัน (Public Offering) โดยกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 13.00 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ปิดการขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ ทรัสต์ LHHOTEL ได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 31 พ.ค.81 โดยเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง 1 ถนนราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นย่านใจกลางแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติและคนไทย หลังจากเมื่อปลายปี 58 ทรัสต์ LHHOTEL ได้เข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ทำเลอโศก-สุขุมวิท ติดศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้า MRT
“หลังจากหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการว่าหลังจากเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 0.03 บาทต่อหน่วย ในช่วง 12 เดือน ตั้งแต่ 1 เม.ย.60 ถึง 31 มี.ค.61 เพิ่มขึ้นเป็น 1.0011 บาทต่อหน่วย จากประมาณการเดิมก่อนที่จะลงทุนเพิ่มเติมอยู่ที่ 0.9711 บาทต่อหน่วย" นางสาววีณา กล่าว
นางสาวเพียงดาว วัฒนายากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในฐานะผู้เสนอขายหน่วยทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า มีความมั่นใจในทรัสต์ LHHOTEL เป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่มีศักยภาพในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากมีโครงสร้างทางการเงินที่ดีและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่เหมาะสม ประกอบกับทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมและเข้าลงทุนครั้งแรกนั้น ล้วนเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวใจกลางกรุงเทพฯ
โดยเฉพาะโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ที่ LHHOTEL เข้าลงทุนเพิ่มเติมนั้น เป็นอาคารสูง 49 ชั้นและชั้นใต้ดิน 1 ชั้น จำนวน 497 ห้อง พื้นที่ทั้งหมด 66,628 ตารางเมตร โดยไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 มีอัตราเข้าพัก 90% เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีอัตราเข้าพัก 80% อีกทั้งได้ออกแบบห้องพักของโรงแรมที่มีขนาดใหญ่กว่าโรงแรมในระดับเดียวกันที่อยู่ในทำเลใกล้เคียง จึงสามารถรองรับลูกค้าที่เข้าพักแบบระยะยาวช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านรายได้
ขณะที่อัตราการเข้าพักและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต จากปัจจัยภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยในปี 59 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 32.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับปี 58 ที่มีจำนวน 29.9 ล้านคน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
“ทรัสต์ LHHOTEL มีนโยบายเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่มีคุณภาพ โดยการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพดี อยู่ในทำเลที่โดดเด่นเช่นเดียวกับโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ที่เข้าลงทุนครั้งแรกนั้น เชื่อว่าจะเกื้อหนุนให้ทรัสต์ LHHOTEL มีผลการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์" นางสาวเพียงดาว กล่าว