โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC) หลังปรับประมาณการกำไรปี 60 และ 61 ขึ้น แม้ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 อาจจะอ่อนตัวจากไตรมาสแรกที่ทำได้โดดเด่น ขณะที่แนวโน้มงานใหม่ในปีนี้ยังสดใสอย่างมาก หลังนับตั้งแต่ต้นปีได้งานใหม่มากกว่า 70% ของที่ตั้งเป้าหมายทั้งปี
และครี่งหลังของปีนี้ยังมีโอกาสจะได้รับงานเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มเปิดตัวโครงการมากขึ้น ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ SYNTEC ก็น่าจะช่วยเติมปริมาณงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่บริษัทมีแผนลงทุนเพื่อขยายฐานรายได้ประจำ ด้วยการลงทุนในรีสอร์ท เพิ่มเติมจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 3 แห่ง และโครงการมิกซ์ยูส
นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ทำได้ดีมากตั้งแต่ไตรมาส 1/60 บวกกับรายได้ก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปรับประมาณการกำไรในปี 60-61 เพิ่ม ขณะที่ Valuation ก็ไม่แพง โดยยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย
พักเที่ยงราคาหุ้น SYNTEX อยู่ที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท (+7%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.37%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) TRADING BUY 5.80 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 6.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 6.11
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปรับประมาณการกำไร ซึ่งไม่นับรวมกำไรพิเศษของ SYNTEC ในปี 60 และ 61 ขึ้นเป็น 792 ล้านบาท และ 888 ล้านบาท หรือเติบโต 3% และ 12% จากเดิมที่คาดว่ากำไรในปีนี้จะทรงตัว และปี 61 จะเติบโตเพียง 4% ด้วยอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทได้รับงานก่อสร้างใหม่มากตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราว 7,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88% ของเป้าหมายการรับงานใหม่ทั้งปีแล้ว
ทั้งนี้ มองการลงทุนใน SYNTEC จะเป็นการลงทุนระยะยาว โดยได้มองข้ามผ่านการลงทุนในปี 60 ไปแล้ว และให้ติดตามผลประกอบการที่จะเติบโตมากในปี 61 ที่ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.11 บาท ด้วย P/E ที่ 12 เท่า
"ความเสี่ยงที่มีก็คงจะเป็นเรื่องราคาเหล็กที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งเรามองทั้งปีผลประกอบการจะเติบโตได้ดี เพราะผู้ประกอบการเปิดขายคอนโดฯใหม่มากตั้งแต่ไตรมาส 2 และยังมีงานใหม่เข้ามาอีกมาก อาทิ งาน Mixed Use ถนนพระราม 4 มูลค่ามหาศาล"นายสมบัติ กล่าว
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น SYNTEC เพิ่มขึ้นเป็น 5.80 จากเดิมที่ 5.20 จากแนวโน้มที่จะได้รับงานใหม่ในปีนี้สูงถึง 9,000-10,000 ล้านบาท หลังครึ่งปีหลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มจะเปิดตัวโครงการต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเติม Backlog ที่มีอยู่ 12,026 ล้านบาท ณ สิ้นปี 59 และจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ไปอีกประมาณ 2 ปี
ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ SYNTEC ได้งานใหม่เกี่ยวกับอาคารสูงและคอนโดมิเนียมต่อเนื่องสูงถึง 5,742 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของเป้าหมายงานใหม่ในปีนี้ ถึงแม้ว่าภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับโครงการคอนโดมิเนียมจะซบเซา แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเชี่ยวชาญของ SYNTEC ในการก่อสร้างอาคารสูงที่มีคุณภาพสูงก็ทำให้มีแนวโน้มจะได้งานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/60 อาจจะชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/60 เนื่องจากมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และไตรมาส 2 มีการเตรียมก่อสร้างโครงการใหม่ซึ่งช่วงแรกจะมีค่าใช้จ่ายมาก
โดยเบื้องต้นประเมินว่า SYNTEC จะมีรายได้ก่อสร้างรวมธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ประมาณ 1,975 ล้านบาท ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน แต่เติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิประมาณ 180-200 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกประมาณ 20% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะใกล้เคียงกัน
จากผลประกอบการซึ่ง SYNTEC สามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่าประมาณการ และกำไรครึ่งปีแรกเด่น ทำให้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น โดยปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจึงจะทำให้กำไรในปีนี้ยังเด่นเท่ากับ 732 ล้านบาท แม้ว่าจะติดลบจากปีก่อน 16%
บทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่าแนวโน้มงานใหม่ของ SYNTEC สดใสอย่างมาก หลังนับตั้งแต่ต้นปีได้งานแล้ว 7,100 ล้านบาท คิดเป็น 89% ของเป้าหมายทั้งปี และยังมีโอกาสได้งานต่อเนื่องอีก ด้วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่โดยเฉพาะลูกค้าสำคัญอย่างบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) และบมจ.ศุภาลัย (SPALI) มีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดย SPALI เตรียมเปิดอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท และ PSH จะเปิดอีก 8 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายไปมาก นอกจากนี้ยังมีการเข้าประมูลงานบางส่วนของโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองด้วย เพราะประกอบด้วยหลายอาคารและมีมูลค่าสูง ทำให้อาจต้องใช้ผู้รับเหมาหลายรายร่วมกันทำงาน
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรของ SYNTEC ในปี 60-61 เพิ่มขึ้น 9% และ 11% ตามลำดับ เป็น 735-783 ล้านบาท เพื่อสะท้อนรายได้ก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น จากแนวโน้มการรับงานใหม่ที่สดใสมาก และ GPM ในไตรมาส 1/60 ที่ดีมากถึง 20.9% ทำให้ปรับสมมติฐาน GPM ดีขึ้นเป็น 17% และอาจมี Upside มากขึ้น หากทิศทาง GPM ดีต่อเนื่องตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/60 น่าจะอ่อนลงจากไตรมาสก่อน โดยคาดรายได้ทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่แล้วราว 1,900-2,000 ล้านบาท แต่ GPM จะปรับตัวลง เพราะในไตรมาส 1/60 ดีเป็นพิเศษเนื่องจากมีการปิดงานหลายโครงการซึ่งค่าใช้จ่ายจริงต่ำกว่าประมาณการต้นทุนที่ตั้งไว้ ขณะที่ไตรมาส 2/60 เริ่มก่อสร้างใหม่หลายโครงการ
ขณะที่มองว่า SYNTEC มีสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่สดใสตามทิศทางการรับงานใหม่ที่จะเร่งตัวขึ้นอีก รวมถึงมีการบริหารต้นทุนที่ดี ขณะเดียวกัน Valuation ก็ไม่แพง และยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ SYNTEC ในปี 60 ขึ้น 33% สู่ระดับ 1 พันล้านบาทเติบโต 15% YoY เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/60 เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 20% (อัตรากำไรขั้นต้นปี 59 อยู่ที่ 17%) และคาดว่าจะทรงตัวได้ทั้งปี
ประกอบกับ บริษัทเตรียมขยายฐานรายได้ Recurring income โดยกำลังเจรจาเพื่อลงทุนในรีสอร์ท 1 แห่งมูลค่าราว 700-2,000 ล้านบาท จากในปัจจุบันที่มีเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ 3 แห่งมีห้องพักรวม 434 ห้อง และเป็นเจ้าของ 1 โครงการมิกซ์ยูส The 8 Thonglor (ถือหุ้น 60%) มีพื้นที่ค้าปลีก 6 พันตารางเมตร