นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรงว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีวงเงินลงทุนทั้งหมด 4.94 หมื่นล้านบาท โดยได้รับเงินสนับสนุนงานโยธาจากภาครัฐจำนวน 2.25 หมื่นล้านบาท โดยรับจ่ายใน 10 ปี หรือปีละ 2,250 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย)
นอกจากนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ยังได้เสนอให้ส่วนแบ่งรายได้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในระยะเวลา 20 ปี โดยปีที่ 11-15 จ่าย 5 ล้านบาทต่อปี ปีที่ 16-20 จ่าย 10 ล้านบาท/ปี ปีที่ 21-25 จ่าย 15 ล้านบาท/ปี และ ปีที่ 26-30 จ่ายปีละ 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประมาณการจำนวนผู้โดยสารในปีแรกอยู่ที่ 1.99 แสนคน/วัน และจำนวนผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ยปีละ 5.2% ในช่วง 30 ปีที่ได้รับสัมปทาน โดยคาดจะมีค่าโดยสารเฉลี่ย 34.70 บาท/เที่ยวในการเดินรถปีแรก และคาดว่าจะมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อยู่ที่ 26% ในช่วงแรกดำเนินการ และจะค่อยๆปรับขึ้น เป็น 69% ในปีที่ 30 รวมทั้ง จะมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ประมาณ 10%ของรายได้จากค่าโดยสาร
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีวงเงินลงทุนทั้งหมด 4.67 หมื่นล้านบาท โดยรับเงินสนับสนุนงานโยธาจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท โดยได้รับเงินจากภาครัฐปีละ 2,505 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย)ภายใน 10 ปี ขณะที่กลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ได้เสนอให้ส่วนแบ่งรายได้ให้แก่ รฟม. ในปีที่ 11-30 ดังนี้ ปีที่ 11-15 จ่ายปีละ 5 ล้านบาท ปีที่ 16-20 จ่ายปีละ 10 ล้านบาท ปีที่ 21-25 จ่ายให้ 15 ล้านบาท/ปี และปีที่ 26-30 จ่ายให้ 20 ล้านบาท/ปี
ส่วนคาดการณ์จะมีจำนวนผู้โดยสารเส้นทางสายสีเหลืองในปีแรก 1.95 แสนคน/วัน และคาดจำนวนผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ยน 4.5%ต่อปี รวมทั้งคาดจะมีค่าโดยสารเฉลี่ย 30 บาท/เที่ยวในปีแรก ส่วนมี EBITDA Margin อยู่ที่อัตรา 34% ในช่วงต้น และจะขยับขึ้นไปจนถึงปีที่ 30 อยู่ที่ 64% รวมทั้งจะมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิย์ 15% ของรายได้ค่าโดยสาร
อนึ่ง กลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ได้รับสัญญาสัปมทานลงทุนและดำเนินการบริหารเดินรถของโครงการถไฟฟ้าสายสีชมพูและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถือหุ้นสัดส่วน 75% บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ถือ 15% และ บมจ.บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้น 10%