นายวัชรพงศ์ ลีโทชวลิต นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% มาที่กว่า 3 พันล้านบาท จาก 2.45 พันล้านบาทในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตตามรายได้ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 351.60 ล้านบาท
ธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยยังคงเป็นธุรกิจหลักที่หนุนการเติบโตของ PLANB จากแผนการเพิ่มกำลังการผลิตสื่อ (media capacity) ขณะที่วางเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตแตะระดับ 5 พันล้านบาทในปี 63 ตามการขยายงาน และรุกตลาดในต่างประเทศทำให้มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 15-20% จากปัจจุบันที่ยังไม่มีสัดส่วนรายได้ดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 2/60 น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามการขยายกำลังการผลิตสื่ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัว แต่บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักได้ ขณะที่มองว่าช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีไว้แล้ว จึงน่าจะทำให้ผลกระทบน่าจะน้อยกว่าปีก่อน ประกอบกับในไตรมาส 4 ปกติจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจด้วย
"แนวโน้มครึ่งปีแรกเราก็มีการเติบโตที่ดี จากไตรมาส 1/60 มีอัตราการเติบโตสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลัก ๆ มาจากธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยที่เติบโตขึ้น จากการขยาย capacity และการรับรู้รายได้จากธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกได้ จากการขยาย capacity อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั้งปีรายได้น่าจะเติบโตมากกว่า 20% ทะลุ 3,000 ล้านบาท"นายวัชรพงศ์ กล่าว
นายวัชรพงศ์ คาดว่า อัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณา (Utilization rate) ของ PLANB เฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 80-85% เพิ่มขึ้นจากระดับ 57.6% ในปีที่แล้ว โดยในช่วงไตรมาส 1/60 มีอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาอยู่ที่ 60% และน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 4/60 ที่คาดมีอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณามากกว่า 90% จากเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจสื่อโฆษณา ที่จะมีเม็ดเงินโฆษณาค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ การขยายพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย ยังคงเน้นความหลากหลายของพื้นที่สื่อและการจายตัวของสื่อเพื่อสามารถเข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันบริษัทมีจอภาพดิจิตอล มากกว่า 300 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ ราว 230 แห่ง และอีก 70 แห่งในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 400-500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายงาน โดยเฉพาะการขยายจอภาพดิจิตอลในต่างจังหวัด ที่ในปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 80 แห่ง
สำหรับธุรกิจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สมาคมฟุตบอลฯ) ในปีนี้บริษัทก็จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี และจะรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 63 ตามสัญญาที่ได้ทำร่วมกับทางสมาคมฟุตบอลฯ ส่งผลดีต่อรายได้และกำไรสุทธิที่น่าจะเติบโตไปตามเป้าหมาย
ส่วนการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ในธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย หลังจากที่ได้เข้าลงทุน 10.02% ในบริษัท PT Estha Yudha Ekatama (EYE) ซึ่งทำธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยในอินโดนีเซีย บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าวในฟิลิปปินส์ , ลาว และมาเลเซีย คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะเข้าไปถือหุ้นร่วมกันพันธมิตรท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 50% เพื่อให้มีสิทธิในการเข้าไปบริหาร ซึ่งจะช่วยหนุนเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่ระดับ 15-20% ในปี 63