บมจ.การบินไทย (THAI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) ระบุว่าขณะนี้ NOK อยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลิกฟื้นธุรกิจ คาดว่าจะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการได้ในราวกลางเดือน ก.ค.นี้ ขณะที่ล่าสุดมีพันธมิตรรายใหม่ 2-3 รายที่เข้ามาทำการตรวจสอบสถานะสินทรัพย์ (due diligence) เพื่อเข้าร่วมลงทุนใน NOK แล้ว
"นกแอร์เพิ่งเซ็นกับพันธมิตร 2-3 ราย เพื่อให้เข้ามาทำ Due diligence ...คาดว่าจะใช้เวลา 45 วัน จากนั้นก็จะเข้าบอร์ด ซึ่งถ้าไม่เข้าเดือนหน้า(ก.ค.) ไม่ก็อาจเข้าบอร์ดนัดพิเศษ" นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกข์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและบัญชี บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าว
อย่างไรก็ตาม การบินไทยและกรรมการที่ไม่ได้มาจากการบินไทยระบุให้สายการบินนกแอร์มีความชัดเจนเรื่อง Strategic partner โดยการบินไทยจะมีส่วนเข้าไปข่วยพิจารณาร่วมกับ NOK ซึ่งจะต้องมาพิจารณาร่วมกันและจัดการเรื่องนี้ไปด้วยกัน โดยพันธมิตรที่เจรจากันอยู่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นต่างชาติทั้งหมดหรือไม่
ส่วนแผนพลิกฟื้นธุรกิจของสายการบินนกแอร์นั้น การบินไทยจะเข้าไปช่วยพิจารณาด้วย ซึ่งเบื้องต้นของแผนจะเหมือนกับที่ การบินไทยได้เคยใช้ในการปฏิรูปองค์กร คือ หยุดการขาดทุนก่อนด้วยการตัดเส้นทางบินทีไม่ทำกำไร
นายณรงค์ชัย กล่าววว่า สายการบินนกแอร์จะต้องทำแผนพลิกฟื้นธุรกิจที่จะต้องดูแผนบริหารจัดการควบคุมต้นทุน แผนการจัดหารายได้ และพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องแผนธุรกิจในระยะยาวที่จะมี Strategic partner เข้ามาช่วยส่วนใด และจะร่วมธุรกิจกันได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้ภาพยังไม่ชัดเจน รวมทั้งพิจารณาแผนการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) นำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้
"การบินไทยยัง support นกแอร์ อยู่ เราถือหุ้น 21.5% ก็ยังถือว่าเป็นการถือหุ้นที่มีนัยพอสมควร ไม่ใช่ถือ21% แล้วทำอะไรไม่ได้ ทำได้ไม่ต่างจากที่ถือหุ้นสัดส่วน 39% การบริหารจัดการเหมือนเดิม โครงสร้างบอร์ดเหมือนเดิม...วันนี้แผน turnaround ยังไม่ชัดเจน"นายณรงค์ชัย กล่าว
รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าววา แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 60 ของการบินไทย คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ยังคงระดับสูงอยู่ใกล้เคียงช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่รายได้จากผู้โดยสารต่อหน่วย (yiled) ค่อนข้างลดลง และสายการบินอื่นก็ลดลง จึงต้องหันมาดูการบริหารจัดการให้ได้มีประสิทธิภาพ ควบคุมค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.60) มี Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 84% เดือน พ.ค.อ่อนตัวลงมาประมาณ 80% และมิ.ย.จะเป็นเดือนที่มี Cabin Factor ต่ำที่สุด ทั้งนี้ มั่นใจว่าการบินไทยจะสามารถทำรายได้และ Cabin Factor ได้ตามเป้าในปีนี้
แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวลง ซึ่งมองว่าเป็นการปรับลดระยะสั้น แต่มองว่าทั้งปีราคาน้ำมันโลกจะกลับขึ้นมาที่ 50-55 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันเบรนท์ ซึ่งใกล้เคียงที่ฝ่ายบริหารประเมินไว้ โดยขณะนี้บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (hedging) ไว้ช่วงราคา 40-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงที่ฝ่าบริหารประเมินไว้ โดยปัจจุบันได้ทำ Hedging ในสัดส่วน 80%ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ในปีนี้ และไตรมาส 1-2/61 ทำประกันความเสี่ยงสัดส่วน 40%
ส่วนหุ้นกู้ของ THAI ที่ได้เสนอขายไปแล้ว 8 พันล้านบาทนั้น นายณรงค์ชัย กล่าวว่า จะนำมาบริหารสภาพคล่อง โดยนำไปใช้คืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 5,200 ล้านบาท โดยมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนแล้ว 1,200 ล้านบาทในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และในเดือน ต.ค.60 ครบกำหนดไถ่ถอน 4,000 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นกู้ช่วงนี้เพราะอัตราดอกเบี้ยยังต่ำ จึงไม่รอให้ถึงเดือน ต.ค.ที่หุ้นกู้จะครบกำหนดไถ่ถอน และอยู่ระหว่างพิจารณาแปลงหนี้สกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินเยนหรือยูโรเพื่อช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยลงอีก