นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจเบี้ยประกันภัยรับรวมปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 17% จากปีก่อน แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นผลจากการชะลอตัวของภาวะอุตสาหกรรมประกันชีวิต และการขายประกันผ่านช่องทางสาขาธนาคารลดลง หลังจากหลายธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยต่างทยอยปิดสาขา ตามการลดต้นทุน และการสนับสนุนให้ลูกค้ามาหันมาใช้ช่องทางดิจิตอลมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเบี้ยประกันภัยรับรวมจะกลับมาเติบโตมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/60 ที่จะมีการซื้อประกันชีวิตกันมากขึ้น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ขณะที่บริษัทยังคงใช้กลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านตัวแทนมากที่สุดในสัดส่วน 30% และปรับการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีระยะเวลาสัญญาที่เป็นระยะสั่นมากขึ้นเพื่อจูงใจผู้ซื้อประกันชีวิต
"ปีนี้การทำให้เบี้ยรับรวมเติบโตตามเป้าหมายค่อนข้างเหนื่อยหน่อย แต่ยังสามารถทำได้ ซึ่งก็ต้องทำงานมากขึ้น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมอยู่ในทิศทางชะลอตัวอยู่"นายวิพล กล่าว
นายวิพล กล่าวอีกว่า ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทในปัจจุบันมีการลงทุนในตราสารหนี้ สัดส่วน 80% เพราะผลตอบแทนของตราสารหนี้ยังอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวน และซบเซาลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มีการลงทุนในหุ้น สัดส่วน 10% และถือเงินสด สัดส่วน 6-7% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น เพื่อหาจังหวะการลงทุนอื่นที่เหมาะสม ส่วนผลตอบแทนของพอร์ตเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะทำได้มากกว่า 4% แต่จะลดลงจากระดับ 6% ในปีก่อนเพราะภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน
สำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท และผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 5 ราย กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อ-ขายหุ้น BLA นั้น ถือว่าเป็นเรื่องในอดีต ที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และผู้บริหารได้ยอมรับและลาออกจากการเป็นคณะกรรมการแล้ว ดังนั้น เชื่อว่ากรณีนี้จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน เพราะพื้นฐานของบริษัทยังมีความแข็งแกร่ง และแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ยังสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้