นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยวันสุดท้ายสัปดาห์ทำการ (23 มิ.ย.) ว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะขานรับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ช่วยดันดัชนีวันนี้เป็นบวกต่อเนื่อง แต่โดยรวมยังเคลื่อนไหวทรงตัว ทำให้มองว่านักลงทุนควรชะลอการลงทุน หรือเลือกซื้อหุ้นที่อิงกับราคาน้ำมัน หรือปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ทั้งนี้ ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พลิกตัวขึ้นมาได้จากจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้าที่ 42.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนให้ราคาหุ้นของหลาย ๆ ตลาดฟื้นตัวขึ้น ตลาดหุ้นยุโรป ตัวเลขเศรษฐกิจของอังกฤษออกมาดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้อานิสงส์จากการเปิดเผยร่างกฎหมายสุขภาพฉบับใหม่ แต่อย่างไรก็ตามดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากแรงขายหุ้นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งสวนทางกับตลาดอื่น ซึ่งปัจจัยต่างประเทศ มีออกมาค่อนข้างน้อย ไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญออกมาในวันนี้ ตัวแปรที่นักลงทุนจะให้ความสนใจ จึงเป็นเรื่องราคาน้ำมันดิบ ว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกของไทย เดือน พ.ค. อยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 18.3% จากเดือนก่อนหน้า จากการส่งออกสินค้าเกษตร 17.6% และกลุ่มอุตสาหกรรมที่โตถึง 12.8% สินค้ากลุ่มหลัก ๆ ที่ขยายตัวดี จะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ ยางพารา อาหารแช่แข็ง และอีเล็คทรอนิกส์ ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้มุมมองต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย โดยคาดว่า GDP ปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.5% หรือสูงกว่า
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าดัชนีฯ มีแนวโน้มเดินหน้าต่อ ตามราคาน้ำมันดิบ และแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ที่กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง แต่กรอบการเคลื่อนไหว คาดจะยังคงแกว่งในกรอบแคบ ๆ
"การพลิกตัวของราคาน้ำมัน แม้จะทำนายได้ยากว่าขึ้นต่อหรือไม่ แต่จากช่วงเช้าของวันนี้ ที่ราคาน้ำมันดิบเดินหน้าต่อจะทำให้แรงซื้อหุ้นที่อิงกับราคาน้ำมันนั้นกลับขึ้นมาชี้นำตลาด และทำให้ภาพตลาดดูดีขึ้น ภาพรวม ๆ KTBST ยังมองว่าควรชะลอการลงทุน หรือเลือกซื้อหุ้นที่อิงกับราคาน้ำมัน หรือปัจจัยบวกเฉพาะตัว สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น PTTGC , BANPU , SPRC , BBL, ADVANC , FSMART , HTECH , ATP30"นายมงคล กล่าว